16 May 2001
ชี้แจงผลการดำเนินงาน
ที่ บผฟ. 320 / 216 15 พฤษภาคม 2544
เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2544 และผลการดำเนินงานที่เปลี่ยนแปลงจากงวดเดียวกัน
ของปี 2543 เกินกว่าร้อยละ 20
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อ้างถึง ข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการจัดทำและส่งงบการเงิน
และรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน(ฉบับที่ 1) พ.ศ.2541
สิ่งที่ส่งมาด้วย งบการเงินประจำไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2544 ของบริษัทผลิตไฟฟ้าจำกัด(มหาชน)
และงบการเงินรวมสิ้นสุดเพียงวันเดียวกันของ บริษัท ผลิต ไฟฟ้าจำกัด(มหาชน)และบริษัทย่อย
บริษัทผลิตไฟฟ้าจำกัด(มหาชน) ขอรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2544 รายละเอียด
ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ซึ่งตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่อ้างถึงข้อ 4(7)กำหนดว่ากรณีที่ผลการดำเนินงานตามงบกำไรขาดทุนที่บริษัท
จดทะเบียนนำส่งให้ตลาดหลักทรัพย์ เปลี่ยนแปลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเกินกว่า ร้อยละ 20 ให้บริษัทจดทะเบียน ชี้แจงสาเหตุการ
เปลี่ยนแปลงดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ พร้อมกับการนำส่งงบการเงินนั้น
บริษัทฯ ขอชี้แจงผลการดำเนินงานตามงบกำไรขาดทุนรวม ซึ่งข้อมูลการดำเนินงานประจำไตรมาสสิ้นสุดเพียงวันที่
31 มีนาคม 2544 กำไรสุทธิ 442.59 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2543 ซึ่งกำไรสุทธิเท่ากับ
1,004.11 ล้านบาท แล้วกำไรสุทธิลดลง 561.52 ล้านบาท หรือร้อยละ 55.92 สาเหตุที่กำไรสุทธิลดลง เนื่องจาก:
1. ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง ซึ่งทำให้บริษัทฯ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 283.44 ล้านบาท
ในปี 2544 เพิ่มขึ้นจากปี 2543 ซึ่งมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 34.91 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีกำไรลดลงเนื่องจาก
ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 248.53 ล้านบาท
นอกจากนี้ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ เกิดส่วนแบ่งผลขาดทุนจาก บริษัทร่วม
ได้แก่บริษัท อมตะเอ็กโกเพาเวอร์ จำกัด จำนวน 44 ล้านบาท ซึ่งขาดทุนเพิ่มขึ้นจำนวน 51 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2543
ที่มีส่วนแบ่งผลกำไร 7 ล้านบาท
2. ค่าใช้จ่ายรวม จำนวน 2,075 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 543 ล้านบาทหรือร้อยละ 35.44 ส่วนใหญ่มาจาก:
* ต้นทุนขาย จำนวน 929 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 323 ล้านบาท หรือร้อยละ 53.32 สาเหตุหลักเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
รักษาหลักของบริษัทย่อยสองแห่ง ได้แก่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าระยอง จำกัด (บฟร.) และบริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด (บฟข.)
เพิ่มขึ้น 86 ล้านบาทและ 23 ล้านบาทตามลำดับ นอกจากนี้กิจการร่วมค้าสองแห่ง ได้แก่ บริษัท กัลฟ์อิเล็คตริก จำกัด (มหาชน) (กัลฟ์)
และ Conal Holding Corporation (Conal) ซึ่งมีต้นทุนขายจำนวน 139 ล้านบาทและ 70 ล้านบาทตามลำดับ
* ค่าใช้จ่ายในการบริหาร จำนวน 247 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115 ล้านบาทหรือร้อยละ 87.12 โดยมีสาเหตุดังนี้
* ค่าใช้จ่ายในการบริหารประจำไตรมาสที่หนึ่งปี 2544 ของกิจการร่วมค้า กัลฟ์ จำนวน 12 ล้านบาทและ Conal จำนวน 23 ล้านบาท
และได้ตัดจ่ายค่านิยมจำนวน 3 ล้านบาทและ 9 ล้านบาท ตามลำดับ
* บริษัทฯได้ซื้อกิจการในไตรมาสนี้ได้แก่ บริษัท ไทยแอลเอ็นจีเพาเวอร์ จำกัดและบริษัท ทีแอลพีโคเจนเนอร์เรชั่น จำกัด มีค่าใช้จ่ายบริหาร
เป็นจำนวน1 ล้านบาทและ 47 ล้านบาทตามลำดับ
* นอกนั้นเป็นค่าใช้จ่ายบริหารของบริษัทฯที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่าที่ปรึกษาฯ 8 ล้านบาท ค่าประชาสัมพันธ์ 8 ล้านบาท และ
อื่นๆ 4 ล้านบาท
* ดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98 ล้านบาทหรือร้อยละ 12.73 โดยส่วนหนึ่งเกิดจากดอกเบี้ยจ่ายของกัลฟ์ และ Conal
จำนวน 32 ล้านบาท และจำนวน 55 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่ดอกเบี้ยจ่ายของบฟร. และบฟข. เพิ่มขึ้น 11 ล้านบาท เนื่องจาก
อัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น
3) รายได้อันประกอบด้วยค่าขายไฟฟ้า ค่าบริการ ดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ จำนวน 2,898 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 336 ล้านบาทหรือ
ร้อยละ 13.10 ส่วนใหญ่มาจาก:
* รายได้ค่าไฟฟ้า จำนวน 2,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 240 ล้านบาทหรือ ร้อยละ 10.24 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก บฟร. จำนวน 6 ล้านบาท
ในขณะที่รายได้ค่าไฟฟ้าของ บฟข.ลดลง 194 ล้านบาท (จากหน่วยไฟฟ้าจากบฟร. 1,565 M.kWh และ บฟข. 1,465 M.kWh )
โดยสาเหตุหลักคืออัตราค่าไฟฟ้าของบฟข. ต่ำกว่าปี 2543 เป็นอัตราที่กำหนดไว้เพื่อเป็นการสะท้อนต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าปี 2543
เช่นกันและเพื่อให้ผลตอบแทนการลงทุนเป็นไปตาม สัญญาขายไฟ (PPA) และในปี 2544 ได้รวมรายได้ค่าไฟฟ้าของกัลฟ์และ
Conal จำนวน 196 ล้านบาทและ 232 ล้านบาท ตามลำดับ
* รายได้ค่าบริการ จำนวน 22 ล้านบาท ลดลง 5 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 18.52 ซึ่งเป็นการลดลงของการให้บริการบำรุงรักษา
และเดินเครื่องของเอสโก
* รายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้อื่น จำนวน 283 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 95 ล้านบาทหรือร้อยละ 50.53 ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ปันผลรับ
จากเงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดและกองทุนฯ จำนวน 64 ล้านบาท และอื่นๆ 17 ล้านบาท นอกจากนี้เพิ่มขึ้นจาก
กิจการร่วมค้า Conal จำนวน 14 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2544 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 442.59ล้านบาทไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 283.44 ล้านบาท แล้ว
จะมีกำไร 726 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิปี 2543 จำนวน 1,044.11 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
34.91 ล้านบาท จะทำให้บริษัทมีกำไรก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ลดลงจำนวน 353 ล้านบาทหรือร้อยละ 32.72
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา)
รองกรรมการผู้จัดการสายบัญชีและการเงิน
ฝ่ายบัญชีและงบประมาณ
โทร. 998-5160