EN | TH
16 August 2004

ำอธิบายงบการเงินไตรมาสที่ 2

* ต้นทุนขายน้ำประปา จำนวน 27 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 1 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 3 มาจาก เอ็กคอมธารา ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น * ค่าใช้จ่ายในการบริหารและอื่นๆ จำนวน 42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 13 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 44 สาเหตุหลักจาก เอสโก ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น * ดอกเบี้ยจ่าย จำนวน 6 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 4 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 39 เนื่องจากเงินต้นคงเหลือและอัตราดอกเบี้ยของ เอ็กคอมธารา ลดลง 3. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน 3.1 การวิเคราะห์สินทรัพย์ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2547 บผฟ. บริษัทย่อย บริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า มีสินทรัพย์รวม จำนวน 55,725 ล้านบาท ลดลง 712 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2546 โดยมีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้ 1) เงินสด เงินฝากธนาคารและสถาบันการเงิน และเงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด ทั้งระยะสั้นและระยะยาว จำนวน 6,590 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 12 ของสินทรัพย์รวม ลดลง 1,225 ล้านบาท หรือร้อยละ 16 ส่วนใหญ่มาจาก เงินฝากธนาคารและสถาบันการเงินและหลักทรัพย์ใน ความต้องการตลาดระยะสั้นลดลงจำนวน 1,006 ล้านบาท และเงินลงทุนระยะยาวในหลักทรัพย์ในความ ต้องการตลาดและอื่นๆลดลง จำนวน 450 ล้านบาท เนื่องจากการลงทุนเพิ่มในโครงการของ จีอีซี และ การให้เงินกู้ยืมแก่จีอีซี และเอ็นทีพีซี ประกอบกับราคาตลาดที่ลดลงของหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด ในขณะที่เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น 231 ล้านบาท 2) เงินลงทุนระยะสั้นและระยะยาวที่ใช้เป็นหลักประกัน จำนวน 9,394 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17 ของสินทรัพย์รวม ลดลง 560 ล้านบาท หรือร้อยละ 6 โดยเงินสำรองบางส่วนเป็นเงินสกุลดอลลาร์ สหรัฐฯ จำนวน 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 3) เงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จำนวน 352 ล้านบาท คิดเป็น สัดส่วนร้อยละ 1 ของสินทรัพย์รวม ลดลง 17 ล้านบาท หรือร้อยละ 5 สาเหตุหลักมาจากโครงการน้ำเทิน 2 รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากการตัดจ่ายค่าพัฒนาโครงการตามนโยบายบัญชีใหม่จำนวน 24 ล้านบาท 4) ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์สุทธิ จำนวน 30,268 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 54 ของสินทรัพย์รวม ลดลง 1,275 ล้านบาท หรือร้อยละ 4 สาเหตุหลักจากการตัดค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน บผฟ. และ บริษัทย่อยอื่นๆ จำนวน 1,191 ล้านบาท และการโอนวัสดุสำรองหลักที่ไม่ได้ใช้งานออกไปยังวัสดุสำรอง คลังของ บฟข. จำนวน 268 ล้านบาท จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชี ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของ โรงไฟฟ้าของ จีอีซี จำนวน 11 ล้านบาท ในขณะที่ผลกระทบจากการแปลงค่างบการเงินของทรัพย์สิน ของบริษัทที่อยู่ในต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจำนวน 23 ล้านบาท อีกทั้งทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากวัสดุ สำรองหลักของ บฟร. และ บฟข. จำนวน 34 ล้านบาท และ 41 ล้านบาทตามลำดับ และยังมีการ ก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมของ จีอีซี จำนวน 52 ล้านบาท 5) สินทรัพย์อื่นๆ จำนวน 9,121 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 2,366 ล้านบาท หรือร้อยละ 35 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้การค้าที่เกี่ยวข้องกันจำนวน 1,069 ล้านบาท วัสดุสำรองคลังเพิ่มขึ้น 615 ล้านบาท เงินให้กู้ยืมระยะยาวของ บผฟ. แก่ จีอีซี จำนวน 338 ล้านบาท เอ็นทีพีซี จำนวน 249 ล้านบาท และสินทรัพย์หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น 25 ล้านบาท 3.2 การวิเคราะห์หนี้สิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2547 บริษัทมีหนี้สินรวม จำนวน 27,741 ล้านบาท ลดลง 1,995 ล้านบาท หรือร้อยละ 7 เนื่องจากการชำระคืนเงินกู้และหุ้นกู้ของ บผฟ. บฟร. และ บฟข. 1) เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ จำนวน 26,045 ล้านบาท หรือร้อยละ 94 ของหนี้สินรวม ซึ่งลดลง 1,867 ล้านบาท หรือร้อยละ 7 โดยมีรายละเอียดเป็นเงินตราสกุลต่างๆ ดังนี้ - เงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 358 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ - เงินกู้สกุลเยน จำนวน 1,212 ล้านเยน - เงินกู้สกุลเปโซ จำนวน 101 ล้านเปโซ - เงินกู้สกุลบาท จำนวน 3,739 ล้านบาท - หุ้นกู้ จำนวน 7,163 ล้านบาท ในครึ่งปีแรก ปี 2547 เงินกู้สกุลบาท ดอลลาร์สหรัฐฯ และ เปโซ รวมทั้งหุ้นกู้ลดลงรวม 1,947 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากการชำระคืนเงินต้นของ บผฟ. บฟร. บฟข. เอพีบีพี ทีแอลพีโคเจน โคแนล เอ็กคอมธารา และ การรีไฟแนนซ์เงินกู้ ของ จีอีซี ในขณะที่มีเงินกู้สกุลเยนเพิ่มขึ้น 76 ล้านบาท มาจากการเบิกเงินกู้ ในการสร้างโรงไฟฟ้าร้อยเอ็ด กรีน 2) หนี้สินอื่นๆ จำนวน 1,696 ล้านบาทหรือร้อยละ 6 ของหนี้สินรวม ส่วนใหญ่ ได้แก่ เงินเบิกเกินบัญชี และเงินกู้ระยะสั้น 340 ล้านบาท เจ้าหนี้การค้า 435 ล้านบาท ดอกเบี้ยค้างจ่าย 165 ล้านบาท ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้ค้างจ่าย 328 ล้านบาท และ อื่นๆ 428 ล้านบาท 3.3 การวิเคราะห์ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2547 ส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งไม่รวมหุ้นที่ซื้อคืนแล้ว เป็นเงินจำนวน 27,984 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน 1,283 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัยหลักคือ บผฟ. มีกำไรจากผลการดำเนินงาน ในขณะ ที่กำไรที่ยังไม่รับรู้จากการปรับมูลค่าการลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดที่มีไว้เผื่อขายลดลงทั้งสิ้น 649 ล้านบาท จากการวิเคราะห์โครงสร้างของเงินทุน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2547 สรุปได้ดังนี้ ส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 27,984 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50.22 หนี้สิน จำนวน 27,741 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 49.78 สามารถคำนวณหา อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ ได้ดังนี้ - อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.99 เท่า ต่ำกว่าสิ้นปี 2546 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.11 เท่า - มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์สุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 51.56 บาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2546 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 49.21 บาท 4. รายงานและวิเคราะห์กระแสเงินสด งบกระแสเงินสดแสดงกระแสเงินสดที่เปลี่ยนแปลงจากกิจกรรมดำเนินงาน กิจกรรมลงทุน และ กิจกรรมจัดหาเงิน ณ สิ้นงวดบัญชี และแสดงเงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือสิ้นงวด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2547 เงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือ เป็นเงินจำนวน 1,962 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากต้นงวด 231 ล้านบาท ซึ่งมีรายละเอียดของแหล่งที่มาและแหล่งที่ใช้ไปของเงินดังต่อไปนี้ - เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน จำนวน 3,077 ล้านบาท ลดลงจากปี 2546 จำนวน 916 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากเงินสดที่ได้จากดำเนินงานที่ลดลง 1,164 ล้านบาท ในขณะที่กระแสเงินสดจากเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น 248 ล้านบาท - เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมลงทุน จำนวน 208 ล้านบาท โดยเป็นเงินสดที่ได้มาจากการลงทุน ทางการเงินระยะสั้นจำนวน 1,026 ล้านบาท และได้รับเงินปันผลจากบริษัทจัดการและพัฒนา ทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก และ กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นผสมตราสารหนี้ปันผล จำนวน 40 ล้านบาท และ 305 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่ บผฟ. ให้กู้ยืมเงินแก่ จีอีซี และเอ็นทีพีซี จำนวน 338 ล้านบาท และ 249 ล้านบาท ตามลำดับ - เงินสดสุทธิที่ใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงิน จำนวน 3,058 ล้านบาท เนื่องจากสาเหตุหลักคือ การชำระคืนหุ้นกู้ บผฟ. การชำระคืนเงินกู้ของ บฟร. บฟข. ทีแอลพี โคเจน ร้อยเอ็ดกรีน เอพีบีพี และจีอีซี จำนวน 2,520 ล้านบาท และการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 786 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกเงินกู้เพิ่มของ ทีแอลพีโคเจน และ ร้อยเอ็ด กรีน จำนวน 228 ล้านบาท