EN | TH
13 สิงหาคม 2539

งบการเงินรวม บ.ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)และบ.ย่อย ณ 30มิย.2539

รายงานของผู้สอบบัญชี เสนอคณะกรรมการ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ข้าพเจ้าได้สอบทานงบดุลรวม ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2539 และ 2538 และงบ กำไรขาดทุนรวมประจำแต่ละไตรมาสและประจำแต่ละงวดหกเดือนสิ้นสุดเพียงวันเดียวกันตาม ลำดับของบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ตามมาตรฐานที่กำหนดโดยสมาคม นักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย การสอบทานงบการเงินระหว่างกาลรวมนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วย การทำความเข้าใจเกี่ยว กับระบบในการจัดทำงบการเงิน การใช้วิธีวิเคราะห์เปรียบเทียบในการวิเคราะห์ข้อมูลทาง การเงิน และการสอบถามเจ้าหน้าที่ของบริษัทผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องทางการเงินและบัญชี ซึ่งการ สอบทานนี้มีขอบเขตจำกัดกว่าการตรวจสอบตามมาตรฐานการสอบบัญชีที่รับรองทั่วไปเพื่อแสดง ความเห็นต่องบการเงินมาก ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่อาจแสดงความเห็นต่องบการเงินที่สอบทานได้ ข้าพเจ้าไม่พบสิ่งที่เป็นสาระสำคัญซึ่งควรนำมาปรับปรุงงบการเงินระหว่างกาลรวมที่กล่าว ในวรรคแรกให้เป็นไปตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป จากการสอบทานของข้าพเจ้าดังกล่าวข้างต้น เติมศักดิ์ กฤษณามระ กรุงเทพมหานคร ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเลขที่ 1106 วันที่ 5 สิงหาคม 2539 สำนักงานไชยยศ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบดุลรวม ลงวันที่ 30 มิถุนายน "ยังไม่ได้ตรวจสอบ" หน่วย : พันบาท 2539 2538 สินทรัพย์ สินทรัพย์หมุนเวียน เงินฝากสถาบันการเงิน 3,981,344 1,421,666 เงินฝากสถาบันการเงินที่ใช้เป็นหลักประกัน 3,014,632 1,268,146 ลูกหนี้การค้า 851,756 688,007 สินค้าคงเหลือ 1,686,668 973,060 สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 1,949,756 395,677 11,484,156 4,746,556 เงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทอื่น 27,971 - ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์-สุทธิ 31,830,524 15,985,390 สินทรัพย์อื่น 927,594 590,469 รวม 44,270,245 21,322,415 ดูหมายเหตุประกอบงบการเงินระหว่างกาลรวม "สอบทานแล้ว" บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบดุลรวม ลงวันที่ 30 มิถุนายน "ยังไม่ได้ตรวจสอบ" หน่วย : พันบาท 2539 2538 หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น หนี้สินหมุนเวียน เจ้าหนี้การค้า 81,989 - เงินกู้ยืมระยะสั้น 1,136,000 - หนี้สินหมุนเวียนอื่น 1,362,077 772,580 2,580,066 772,580 เงินกู้ยืมระยะยาว 16,115,373 9,948,421 หุ้นกู้ 10,707,140 3,460,000 ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 3 3 ส่วนของผู้ถือหุ้น 14,867,663 7,141,411 รวม 44,270,245 21,322,415 ดูหมายเหตุประกอบงบการเงินระหว่างกาลรวม "สอบทานแล้ว" บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)และบริษัทย่อย งบกำไรขาดทุนรวม "ยังไม่ได้ตรวจสอบ" หน่วย : พันบาท ประจำไตรมาสสิ้นสุด ประจำงวดหกเดือนสิ้นสุด เพียงวันที่ 30 มิถุนายน เพียงวันที่ 30 มิถุนายน 2539 2538 2539 2538 รายได้ รายได้จากการขาย 1,108,689 964,776 2,051,555 1,930,043 รายได้อื่น 302,666 212,094 464,733 277,166 รวมรายได้ 1,411,355 1,176,870 2,516,288 2,207,209 ค่าใช้จ่าย ต้นทุนขาย 424,555 322,889 759,443 524,647 ค่าใช้จ่ายอื่น 581,551 454,620 1,036,734 932,834 ภาษีเงินได้ 83,304 38,175 111,683 143,285 รวมค่าใช้จ่าย 1,089,410 815,684 1,907,860 1,600,766 กำไรสุทธิรวมก่อนหักกำไรสุทธิ ของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 321,945 361,186 608,428 606,443 หัก กำไรสุทธิของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย ในบริษัทย่อย(สุทธิ จากการปรับ ยอดยกมาเฉพาะงวด 2538) - - - (1) กำไรสุทธิ 321,945 361,186 608,428 606,444 กำไรสุทธิต่อหุ้น ประจำไตรมาส บาท 0.68 0.90 ประจำงวดหกเดือน บาท 1.29 1.52 ดูหมายเหตุประกอบงบการเงินระหว่างกาลรวม "สอบทานแล้ว" บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย หมายเหตุประกอบงบการเงินระหว่างกาลรวม ประจำไตรมาสและประจำงวดหกเดือนสิ้นสุดเพียงวันที่ 30 มิถุนายน 2539 และ 2538 1.เกณฑ์การเสนองบการเงินรวม งบการเงินรวมเป็นการรวมรายการบัญชีของบริษัทและบริษัทย่อย ดังต่อไปนี้ 2539 2538 อัตราการถือหุ้น อัตราการถือหุ้น ร้อยละ ร้อยละ บริษัท ผลิตไฟฟ้าระยอง จำกัด 99.99 99.99 บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด 99.99 99.99 บริษัท เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด 99.99 - บริษัท เอ็กโก ร่วมทุนและพัฒนา จำกัด 99.99 - 2.เงินฝากสถาบันการเงินที่ใช้เป็นหลักประกัน เงินฝากสถาบันการเงินที่ใช้เป็นหลักประกันเป็นเงินฝากสถาบันการเงิน ของบริษัทย่อย ซึ่งกันไว้จากรายได้ค่าขายไฟฟ้า เพื่อเป็นเงินสำรอง สำหรับภาระหนี้สินดังกล่าวในหมายเหตุ ข้อ 4 และข้อ 5 3.ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2539 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้รับโอนโรงไฟฟ้า ขนอมจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตามสัญญาซื้อขายโรงไฟฟ้ากับ การไฟ้ฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 4.เงินกู้ยืมระยะยาว เงินกู้ยืมระยะยาวของบริษัทย่อย 2 แห่ง เป็นเงินกู้ยืมสกุลเงินบาท และ ดอลลาร์สหรัฐจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ดังนี้ หน่วย : พันบาท 2539 2538 เงินกู้ยืมสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 11,004,932 6,855,363 เงินกู้ยืมสกุลเงินบาท 5,842,250 3,479,000 16,847,182 10,334,363 หัก ส่วนที่ครบกำหนดชำระภายในหนึ่งปี (731,809) (385,942) 16,115,373 9,948,421 เงินกู้ยืมของบริษัทย่อยแห่งหนึ่งเป็นเงินกู้ยืมภายใต้สัญญา Master Agreement สัญญา Credit Agreement และสัญญา Institutional Loan Agreement สัญญาแต่ละ ฉบับลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2537 โดยมีวงเงินกู้ยืมรวมคือ 282 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 4,200 ล้านบาท มีกำหนดผ่อนชำระคืนเงินต้นภายใน 10 ปี 12 ปี และ 15 ปี และมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวตาม LIBOR และ MLR บวกส่วนต่างที่กำหนด และอัตรา ดอกเบี้ยคงที่ตามที่กำหนดในสัญญา สัญญา Master Agreement ดังกล่าวมีข้อกำหนดให้กันเงินสำรองสำหรับภาระหนี้สิน ดังกล่าว และมีเงื่อนไขต่าง ๆ ตามที่ระบุในสัญญา (ดูหมายเหตุข้อ 5) ในวันที่ทำสัญญากู้ยืมเงินข้างต้น บริษัทย่อยแห่งนั้นได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย กับธนาคารต่างประเทศแห่งหนึ่ง สัญญามีผลบังคับให้เปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเป็น อัตราคงที่ ร้อยละ 8.12 ต่อปี สำหรับเงินกู้ยืม 141 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัญญานี้ มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2537 ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2547 เงินกู้ยืมระยะยาวของบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งเป็นเงินกู้ยืมภายใต้สัญญา Master Agreement สัญญา Bank Credit Agreement และสัญญา Tranche B Vat Credit Agreement สัญญาแต่ละฉบับลงวันที่ 3 มิถุนายน 2539 โดยมีวงเงินกู้ยืมรวมคือ 265 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 225 ล้านบาท โดยกำหนดผ่อนชำระคืนเงินต้นภายใน 12 ปี และ 15 ปี ตามลำดับ และวงเงิน 1,136 ล้านบาท มีกำหนดผ่อนชำระคืนเงินต้นภายใน 6 เดือน มีอัตราดอกเบี้ย ลอยตัวตาม LIBOR และ MLR บวกส่วนต่างที่กำหนดในสัญญา ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2539 บริษัทย่อยแห่งนั้นได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยกับธนาคาร ต่างประเทศแห่งหนึ่ง สัญญามีผลบังคับให้เปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยลอยตัวตาม LIBOR บวกส่วนต่าง ที่กำหนดเป็นอัตราคงที่ร้อยละ 8.0275 สำหรับเงินกู้ยืม 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐและอัตราคงที่ ร้อยละ 11 ต่อปี สำหรับเงินกู้ยืม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินกู้ยืม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังกล่าว บริษัทได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาท สัญญานี้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2539 ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2551 เงินกู้ยืมระยะยาวของบริษัทย่อยทั้ง 2 แห่ง ดังกล่าวมีการจดจำนองที่ดิน อาคารและจดจำนำ อุปกรณ์ของโรงไฟฟ้าตามที่ระบุในสัญญาและมีสัญญาจะโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่เจ้าหนี้เงินกู้ยืม เพื่อเป็นหลักประกัน 5.หุ้นกู้ หุ้นกู้เป็นหุ้นกู้ของบริษัทย่อย 2 แห่ง ประกอบด้วย หน่วย : พันบาท 2539 2538 หุ้นกู้ 10,960,000 3,500,000 หัก ส่วนที่ครบกำหนดชำระภายในหนึ่งปี (252,860) (40,000) 10,707,140 3,460,000 หุ้นกู้ของบริษัทย่อยแห่งหนึ่งเป็นเงินกู้ยืมภายใต้สัญญา Master Agreement (ดูหมายเหตุข้อ 4) และสัญญา Debenture Holder Representative Appointment Agreement NO.1 และ NO.2 สัญญาแต่ละฉบับลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2537 หุ้นกู้ครั้งที่ 1 แบ่งเป็น 4 ส่วน อายุ 5 ปี 7 ปี 10 ปี และ 12 ปี โดยมีกำหนด ไถ่ถอนในปี 2542 2544 2547 และ 2549 หุ้นกู้ครั้งที่ 2 แบ่งเป็น12 ส่วน อายุ 1-12 ปี โดยมีกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ตั้งแต่ปี 2538-2549 มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 11.25 ต่อปี และจ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง หุ้นกู้ของบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งเป็นเงินกู้ยืมภายใต้สัญญา Master Agreement (ดูหมายเหตุข้อ 4) และข้อกำหนดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออก หุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้ และเป็นหุ้นกู้มีประกันชนิดระบุชื่อผู้ถือ จำนวน 750,000 หน่วย มีมูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 10,000 บาท โดยมีมูลค่ารวมหุ้นกู้ จำนวน 7,500 ล้านบาท ซึ่งได้เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป อายุหุ้นกู้ 15 ปี นับจากวันออกหุ้นกู้คือวันที่ 14 มิถุนายน 2539 วันครบกำหนดไถ่ถอน เป็นงวด ๆ ทุก 6 เดือน ตั้งแต่ปี 2539 ถึง 2554 มีอัตราดอกเบี้ย คงที่ร้อยละ 11.5625 ต่อปี และจ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง หุ้นกู้ของบริษัทย่อย 2 แห่งดังกล่าวมีการจดจำนองที่ดิน อาคารและจดจำนำอุปกรณ์ของโรงไฟฟ้าตามที่ ระบุในสัญญาและมีสัญญาจะโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่เจ้าหนี้หุ้นกู้เพื่อเป็นหลักประกันสัญญา 5.ทุนเรือนหุ้น ผู้ถือหุ้นบริษัทได้มีมติเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2538 ให้เพิ่ม ทุนจดทะเบียนจาก 4,000 ล้านบาทเป็น 5,300 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญ เพิ่มทุนจำนวน 130 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ซึ่ง บริษัทได้จดทะเบียนการเพิ่มทุนกับกรมทะเบียนการค้าแล้วเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2538 ตามมติผู้ถือหุ้นดังกล่าวข้างต้นให้นำหุ้นสามัญใหม่ออกจัดสรรดังนี้ - เสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 40 ล้านหุ้น ในสัด ส่วนหุ้นเดิม 10 หุ้นต่อหุ้นสามัญใหม่ 1 หุ้น ในราคาหุ้น ละ 30 บาท บริษัทได้รับชำระค่าหุ้นครบถ้วนแล้วและได้ จด ทะเบียนเพิ่มทุนกับกรมทะเบียนการค้าแล้ว เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2538 - เสนอขายหุ้นสามัญใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นจำนวน 80 ล้าน หุ้น ซึ่งราคาเสนอขายให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการของบริษัท - ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญจำนวน 10 ล้านหน่วย โดย เสนอขายให้แก่พนักงานของบริษัทและบริษัทในเครือในราคาหน่วย ละ 0 บาท และใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยมีสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ ใหม่ 1 หุ้น ในราคา 30 บาท โดยกำหนดให้ใช้สิทธิภายใน 1 ปีนับตั้งแต่ วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อมาคณะกรรมการบริษัทได้มีมติเมื่อวันที่ 21 มีาคม 2539 ให้เสนอขายหุ้นดังกล่าว ให้แก่ผู้ลงทุนในประเทศจำนวน 56 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 72 บาท และเสนอขายแก่ผู้ลงทุนในต่างประเทศจำนวน 24 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 83 บาท บริษัทได้รับเงินชำระค่าหุ้นดังกล่าวเป็นจำนวนเงิน 6,024 ล้านบาทครบถ้วนแล้ว และได้จด ทะเบียนเพิ่มทุนเรียกชำระแล้วกับกรมทะเบียนการค้าเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2539 ดังนั้น จึงมีทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นจำนวน 800 ล้านบาท และมีส่วนล้ำมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นจำนวน 5,224 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2539 6.รายได้ค่าไฟฟ้า รายได้ค่าไฟฟ้าในส่วนของรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้าของบริษัทย่อย 2 แห่ง ตั้งแต่เริ่มดำเนิน งาน จนถึงไตรมาสสิ้นสุดเพียงวันที่ 30 มิถุนายน 2539 ไม่ได้รวมคำนวณต้นทุนค่าก๊าซ ธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทยังไม่มีต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากการไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับภาระต้นทุนก๊าซธรรมชาติจนกว่าบริษัทดังกล่าวจะมีสัญญาซื้อ ขายก๊าซธรรมชาติกับการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยตามเงื่อนไขของสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ซึ่งต้องรอผลการเจรจาระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกับการปิโตรเลียมแห่ง ประเทศไทย 7.ภาษีเงินได้นิติบุคคล บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากการผลิตไฟฟ้า โดยได้รับยกเว้นภาษีเงิน ได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี (ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2538 ถึงวันที่ 19 เมษายน 2546) และได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติมี กำหนดเวลา 5 ปี นับจากพ้นกำหนดเวลา 8 ปีดังกล่าว (ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2546 ถึงวันที่ 19 เมษายน 2551) สำหรับรายได้อื่นที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน คำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 30 8.สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในปี 2537 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สัญญาดังกล่าวมีอายุ 20 ปี นับตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2537 ในปี 2539 บริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สัญญาดังกล่าวมีอายุ 15-20 ปี นับตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2539 9.การจัดประเภทรายการ งบการเงินระหว่างกาลรวมประจำไตรมาสสิ้นสุดเพียงวันที่ 30 มิถุนายน 2538 บางรายการ ได้มีการจัดประเภทใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการแสดงรายการในงบการเงินระหว่างกาลรวม ประจำไตรมาสสิ้นสุดเพียงวันที่ 30 มิถุนายน 2539