EN | TH
12 พฤษภาคม 2540

งบการเงินรวม ของ บมจ.ผลิตไฟฟ้าและบริษัทย่อย วันที่ 31มี.ค.40

รายงานของผู้สอบบัญชี เสนอคณะกรรมการ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ข้าพเจ้าได้สอบทานงบดุลรวม ลงวันที่ 31 มีนาคม 2540 และ 2539 และงบกำไรขาดทุนรวมประจำแต่ละไตรมาสสิ้นสุดเพียงวันเดียวกันตามลำดับ ของ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ตามมาตรฐานที่กำหนด โดยสมาคมนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย การสอบทานงบการเงินระหว่างกาลนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วย การทำความเข้าใจ เกี่ยวกับระบบในการจัดทำงบการเงิน การใช้วิธีวิเคราะห์เปรียบเทียบในการวิเคราะห์ ข้อมูลทางการเงิน และการสอบถามเจ้าหน้าที่ของบริษัทผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องทางการเงินและ บัญชี ซึ่งการสอบทานนี้มีขอบเขตจำกัดกว่าการตรวจสอบตามมาตรฐานการสอบบัญชีที่รับรองทั่วไป เพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงินมาก ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่อาจแสดงความเห็นต่องบการเงินที่ สอบทานได้ ข้าพเจ้าไม่พบสิ่งที่เป็นสาระสำคัญซึ่งควรนำมาปรับปรุงงบการเงินระหว่างกาลรวมที่กล่าว ในวรรคแรกให้เป็นไปตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป จากการสอบทานของข้าพเจ้าดังกล่าวข้างต้น เติมศักดิ์ กฤษณามระ กรุงเทพมหานคร ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเลขที่ 1106 วันที่ 24 เมษายน 2540 สำนักงานดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบดุลรวม ลงวันที่ 31 มีนาคม "ยังไม่ได้ตรวจสอบ" หน่วย : พันบาท 2540 2539 สินทรัพย์ สินทรัพย์หมุนเวียน เงินฝากสถาบันการเงิน 4,625,816 8,937,496 เงินฝากสถาบันการเงินที่ใช้เป็นหลักประกัน 3,412,337 2,220,125 เงินลงทุนระยะสั้น 1,727,479 67,268 ลูกหนี้การค้า 1,331,272 668,067 สินค้าคงเหลือ 1,709,104 840,313 สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 344,278 258,474 13,150,286 12,991,743 เงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทอื่น 189,475 27,971 ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ - สุทธิ 30,791,135 15,439,693 สินทรัพย์อื่น 922,597 650,683 รวม 45,053,493 29,110,090 ดูหมายเหตุประกอบงบการเงินระหว่างกาลรวม "สอบทานแล้ว" (นายสมบูรณ์ มณีนาวา) (นายอัมพร พงษ์ปรีชา) ประธานกรรมการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบดุลรวม ลงวันที่ 31 มีนาคม "ยังไม่ได้ตรวจสอบ" หน่วย : พันบาท 2540 2539 หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น หนี้สินหมุนเวียน เจ้าหนี้การค้า 175,411 34,406 เงินปันผลค้างจ่าย - 440,000 หนี้สินหมุนเวียนอื่น 2,108,291 955,721 2,283,702 1,430,127 เงินกู้ยืมระยะยาว 15,979,785 9,888,242 หุ้นกู้ 10,536,830 3,410,000 ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 3 3 ส่วนของผู้ถือหุ้น 16,253,173 14,381,718 รวม 45,053,493 29,110,090 ดูหมายเหตุประกอบงบการเงินระหว่างกาลรวม "สอบทานแล้ว" (นายสมบูรณ์ มณีนาวา) (นายอัมพร พงษ์ปรีชา) ประธานกรรมการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย งบกำไรขาดทุนรวม ประจำไตรมาสสิ้นสุดเพียงวันที่ 31 มีนาคม "ยังไม่ได้ตรวจสอบ" หน่วย : พันบาท 2540 2539 รายได้ รายได้จากการขาย 1,857,504 942,867 รายได้ค่าบริการ 419 - รายได้อื่น 243,123 161,742 รวมรายได้ 2,101,046 1,104,609 ค่าใช้จ่าย ต้นทุนขาย 610,372 334,889 ต้นทุนบริการ 1,296 - ค่าใช้จ่ายอื่น 990,032 454,858 ภาษีเงินได้ 38,852 28,379 รวมค่าใช้จ่าย 1,640,552 818,126 กำไรสุทธิ 460,494 286,483 กำไรสุทธิประจำไตรมาสต่อหุ้น บาท 0.89 0.65 ดูหมายเหตุประกอบงบการเงินระหว่างกาลรวม "สอบทานแล้ว" บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย หมายเหตุประกอบงบการเงินระหว่างกาลรวม ประจำไตรมาสสิ้นสุดเพียงวันที่ 31 มีนาคม 2540 และ 2539 1. เกณฑ์การเสนองบการเงินรวม งบการเงินรวมเป็นการรวมรายการบัญชีของบริษัทและบริษัทย่อย ดังต่อไปนี้ 2540 2539 อัตราการถือหุ้น อัตราการถือหุ้น ร้อยละ ร้อยละ บริษัท ผลิตไฟฟ้าระยอง จำกัด 99.99 99.99 บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด 99.99 99.99 บริษัท เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด 99.99 99.99 บริษัท เอ็กโก ร่วมทุนและพัฒนา จำกัด 99.99 99.99 2. เงินฝากสถาบันการเงินที่ใช้เป็นหลักประกัน เงินฝากสถาบันการเงินที่ใช้เป็นหลักประกันเป็นเงินฝากสถาบันการเงินของบริษัทย่อย ซึ่งกันไว้จากรายได้ค่าขายไฟฟ้า เพื่อเป็นเงินสำรองสำหรับภาระหนี้สินดังกล่าวในหมายเหตุ ข้อ 4 และ ข้อ 5 3. ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2539 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้รับโอนโรงไฟฟ้าขนอมจากการไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตามสัญญาซื้อขายโรงไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย .../2 - 2 - 4. เงินกู้ยืมระยะยาว เงินกู้ยืมระยะยาว ของบริษัทย่อย 2 แห่ง เป็นเงินกู้ยืมสกุลเงินบาท และดอลลาร์สหรัฐจาก สถาบันการเงินต่าง ๆ ดังนี้ หน่วย : พันบาท 2540 2539 เงินกู้ยืมสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 11,055,366 6,906,885 เงินกู้ยืมสกุลเงินบาท 5,703,040 3,408,000 16,758,406 10,314,885 หัก ส่วนที่ครบกำหนดชำระภายในหนึ่งปี (778,621) (426,643) 15,979,785 9,888,242 เงินกู้ยืมของบริษัทย่อยแห่งหนึ่งเป็นเงินกู้ยืมภายใต้สัญญา Master Agreement สัญญา Credit Agreement และสัญญา Institutional Loan Agreement สัญญาแต่ละ ฉบับลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2537 โดยมีวงเงินกู้ยืมรวมคือ 282 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 4,200 ล้านบาท มีกำหนดผ่อนชำระคืนเงินต้นภายใน 10 ปี 12 ปี และ 15 ปี และมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวตาม LIBOR บวกและ MLR ลบส่วนต่างที่กำหนด และอัตราดอกเบี้ย คงที่ตามที่กำหนดในสัญญา สัญญา Mastcr Agreement ดังกล่าวมีข้อกำหนดให้กันเงินสำรองสำหรับภาระหนี้สินดังกล่าว และมีเงื่อนไขต่าง ๆ ตามที่ระบุในสัญญา (ดูหมายเหตุข้อ 5) ในวันที่ทำสัญญากู้ยืมเงินข้างต้น บริษัทย่อยแห่งนั้นได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยกับธนาคาร ต่างประเทศแห่งหนึ่ง สัญญามีผลบังคับให้เปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเป็นอัตราคงที่ ร้อยละ 8.12 ต่อปี สำหรับเงินกู้ยืม 141 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัญญานี้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2537 ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2547 .../3 -3- เงินกู้ยืมระยะยาวของบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งเป็นเงินกู้ยืมภายใต้สัญญา Master Agreement และสัญญา Bank Credit Agreement สัญญาแต่ละฉบับลงวันที่ 3 มิถุนายน 2539 โดยมี วงเงินกู้ยืมรวมคือ 265 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 225 ล้านบาท โดยกำหนดผ่อนชำระคืน เงินต้นภายใน 12 ปี และ 15 ปี ตามลำดับ มีอัตราดอกเบี้ยลอยตาม LIBOR และ MLR บวก ส่วนต่างและอัตราดอกเบี้ยคงที่ตามที่กำหนดในสัญญา ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2539 บริษัทย่อยข้างต้นได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยกับธนาคาร ต่างประเทศแห่งหนึ่ง สัญญามีผลบังคับให้เปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยลอยตัวตาม LIBOR บวกส่วนต่าง ที่กำหนดเป็นอัตราคงที่ร้อยละ 8.0275 สำหรับเงินกู้ยืม 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอัตรา คงที่ร้อยละ 11 ต่อปี สำหรับเงินกู้ยืม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินกู้ยืม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังกล่าว บริษัทได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาท สัญญานี้มีผลบังคับตั้งแต่ วันที่ 19 มิถุนายน 2539 ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2551 เงินกู้ยืมระยะยาวของบริษัทย่อยทั้ง 2 แห่ง ดังกล่าวมีการจดจำนองที่ดิน และอาคารและ จดจำนำอุปกรณ์ของโรงไฟฟ้าตามที่ระบุในสัญญา และมีสัญญาจะโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่เจ้าหนี้ เงินกู้ยืม เพื่อเป็นหลักประกัน 5. หุ้นกู้ หุ้นกู้เป็นหุ้นกู้ของบริษัทย่อย 2 แห่งประกอบด้วย หน่วย : พันบาท 2540 2539 หุ้นกู้ 10,811,420 3,460,000 หัก ส่วนที่ครบกำหนดชำระภายในหนึ่งปี (274,590) (50,000) 10,536,830 3,410,000 หุ้นกู้ของบริษัทย่อยแห่งหนึ่งเป็นเงินกู้ยืมภายใต้สัญญา Master Agreement (ดูหมายเหตุข้อ 4) และ สัญญา Debenture Holder Representative Appointment Agreement NO.1 และ NO.2 สัญญาแต่ละฉบับลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2537 หุ้นกู้ครั้งที่ 1 .../4 -4- แบ่งเป็น 4 ส่วน อายุ 5 ปี 7 ปี 10 ปี และ 12 ปี โดยมีกำหนดไถ่ถอนในปี 2542 2544 2547 และ 2549 หุ้นกู้ครั้งที่ 2 แบ่งเป็น 12 ส่วน อายุ 1-12 ปี โดยมีกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ ตั้งแต่ปี 2538-2549 มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 11.25 ต่อปี และจ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง หุ้นกู้ของบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งเป็นเงินกู้ยืมภายใต้สัญญา Master Agreement(ดูหมายเหตุข้อ 4) และข้อกำหนดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออก หุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้ และเป็นหุ้นกู้มีประกันชนิด ระบุชื่อผู้ถือ จำนวน 750,000 หน่วย มีมูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 10,000 บาท โดยมีมูลค่ารวมหุ้น กู้จำนวน 7,500 ล้านบาท ซึ่งได้เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป อายุหุ้นกู้ 15 ปี นับจากวันออก หุ้นกู้ คือวันที่ 14 มิถุนายน 2539 วันครบกำหนดไถ่ถอนเป็นงวด ๆ ทุก 6 เดือน ตั้งแต่ปี 2539 ถึง 2554 มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 11.5625 ต่อปี และจ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง หุ้นกู้ของบริษัทย่อย 2 แห่งดังกล่าวมีการจดจำนองที่ดินและอาคาร และจดจำนำอุปกรณ์ของ โรงไฟฟ้าตามที่ระบุในสัญญาและมีสัญญาจะโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่เจ้าหนี้หุ้นกู้เพื่อเป็นหลักประกัน สัญญา 6. ทุนเรือนหุ้น ผู้ถือหุ้นบริษัทได้มีมติเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2538 ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 4,000 ล้านบาท เป็น 5,300 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 130 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ซึ่งบริษัทได้จดทะเบียนมติเพิ่มทุนกับกรมทะเบียนการค้าแล้วเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2538 ตามมติผู้ถือหุ้นดังกล่าวข้างต้นให้นำหุ้นสามัญใหม่ออกจัดสรรดังนี้ - เสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 40 ล้านหุ้น ในสัดส่วนหุ้นเดิม 10 หุ้นต่อหุ้น สามัญใหม่ 1 หุ้น ในราคาหุ้นละ 30 บาท บริษัทได้รับชำระค่าหุ้นครบถ้วนแล้วและได้ จดทะเบียนเพิ่มทุนกับกรมทะเบียนการค้าแล้ว เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2538 - เสนอขายหุ้นสามัญใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นจำนวน 80 ล้านหุ้น ซึ่งราคาเสนอขายให้อยู่ ในดุลยพินิจของคณะกรรมการของบริษัท - ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญจำนวน 10 ล้านหน่วย โดยเสนอขายให้แก่ พนักงานของบริษัทและบริษัทในเครือในราคาหน่วยละ 0 บาท และใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยมีสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญใหม่ 1 หุ้น ในราคา 30 บาท โดยกำหนดให้ใช้สิทธิภาย ใน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ .../5 - 5 - ต่อมาคณะกรรมการบริษัทได้มีมติเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2539 ให้เสนอขายหุ้นดังกล่าวให้แก่ผู้ ลงทุนในประเทศจำนวน 56 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 72 บาท และเสนอขายแก่ผู้ลงทุน ในต่างประเทศจำนวน 24 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 83 บาท บริษัทได้รับเงินชำระค่าหุ้นจากการเสนอขายหุ้นดังกล่าวเป็นจำนวนเงิน 6,024 ล้านบาทครบถ้วน แล้ว และได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วกับกรมทะเบียนการค้าเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2539 ดังนั้น จึงมีทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นจำนวน 800 ล้านบาท และมีส่วนล้ำมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นจำนวน 5,224 ล้านบาท คณะกรรมการบริษัทได้มีมติเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2539 มอบอำนาจให้กรรมการผู้มีอำนาจของ บริษัท เป็นผู้กำหนดและแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดของการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ ตามที่เห็นสมควรและจำเป็น เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งหรือคำแนะนำของสำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และบริษัทจะออก ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญจำนวนที่จัดสรร 10 ล้านหน่วย ระยะเวลาโครงการ 5 ปีใน สัดส่วน 22%, 21%, 20%, 19% และ 18% ในปีที่ 1-5 ตามลำดับ โดยเสนอขายให้แก่พนักงาน ของบริษัทและบริษัทในเครือ ราคาที่ใช้สิทธิ 30 บาทต่อหุ้น โดยจะให้ใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ในวันที่ 17 เมษายน 2540 หรือวันที่ครบกำหนดหนึ่งปีนับจากวันออกใบสำคัญแสดงสิทธิ สำหรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นที่เหลือหลังจากเสนอขายภายใน 5 ปีแล้ว ให้อยู่ในดุลยพินิจ ของที่ประชุมผู้ถือหุ้น 7. รายได้ค่าไฟฟ้า รายได้ค่าไฟฟ้าในส่วนของรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้าของบริษัทย่อย 2 แห่งตั้งแต่เริ่มดำเนินงานจน ถึงไตรมาสสิ้นสุดเพียงวันที่ 31 มีนาคม 2540 ไม่ได้รวมคำนวนต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็น ผลมาจากการที่บริษัทย่อยยังไม่มีต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติเนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับภาระต้นทุนก๊าซธรรมชาติจนกว่าบริษัทย่อยดังกล่าวจะมีสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ตามเงื่อนไขของสัญญาซื้อขายไฟฟ้า .../6 - 6 - 8. ภาษีเงินได้นิติบุคคล บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากการผลิตไฟฟ้า โดยได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติ บุคคลเป็นเวลา 8 ปี (ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2538 ถึงวันที่ 19 เมษายน 2546) และได้รับ ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติมีกำหนดเวลา 5 ปี นับจากพ้นกำหนดเวลา 8 ปีดังกล่าว (ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2546 ถึงวันที่ 19 เมษายน 2551) บริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุน จากการผลิตไฟฟ้าโดยได้รับการยกเว้นภาษีเงิน ได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี (ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2539 ถึงวันที่ 25 กันยายน 2547) และ ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติมีกำหนดเวลา 5 ปี นับจากพ้นกำหนดเวลา 8 ปี ดังกล่าว (ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2547 ถึงวันที่ 25 กันยายน 2552) สำหรับรายได้อื่นที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน คำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิก่อนภาษีเงินได้ 9. สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในปี 2537 บริษัทย่อยแห่งหนึ่ง ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สัญญาดังกล่าวมีอายุ 20 ปี นับตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2537 ในปี 2539 บริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สัญญาดังกล่าวมีอายุ 15-20 ปี นับตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2539 10. SPONSOR SUPPORT AGREEMENT เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2540 บริษัทได้ทำสัญญา Sponsor Support Agreement กับสถาบันการเงินซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของบริษัทร่วมแห่งหนึ่ง เพื่อค้ำประกันหนี้สินของบริษัทดังกล่าว ในวงเงินไม่เกิน 451.87 ล้านบาท .../7 - 7 - 11. ภาระผูกพันและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น ในเดือนมีนาคม 2540 บริษัทได้ทำสัญญาค้ำประกันภายใต้สัญญาการดำเนินงานและบำรุงรักษา โรงไฟฟ้าของบริษัทร่วมแห่งหนึ่ง ในวงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท 12. การจัดประเภทรายการ งบการเงินระหว่างกาลรวมประจำไตรมาสสิ้นสุดเพียงวันที่ 31 มีนาคม 2539 บางรายการได้มี การจัดประเภทใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับรายการในงบการเงินระหว่างกาลรวมประจำไตรมาส สิ้นสุดเพียงวันที่ 31 มีนาคม 2540