EN | TH
25 กุมภาพันธ์ 2541

การเงินปี 40 ของบมจ.ผลิตไฟฟ้า

- 15 - ในวันที่ทำสัญญากู้ยืมเงินข้างต้น บริษัทย่อยแห่งนั้นได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยกับธนาคาร ต่างประเทศแห่งหนึ่ง สัญญามีผลบังคับให้เปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเป็นอัตราคงที่ ร้อยละ 8.12 ต่อปี สำหรับเงินกู้ยืม 141 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัญญานี้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2537 ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2547 เงินกู้ยืมระยะยาวของบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งเป็นเงินกู้ยืมภายใต้สัญญา Master Agreement และสัญญา Bank Credit Agreement สัญญาแต่ละฉบับลงวันที่ 3 มิถุนายน 2539 ซึ่งประกอบด้วย - วงเงินกู้ยืม 265 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กำหนดผ่อนชำระคืนเงินต้นภายใน 12 ปี อัตราดอกเบี้ยลอยตัว ตาม LIBOR บวกส่วนต่างที่กำหนด สัญญานี้มีข้อกำหนดให้กันเงินสำรองสำหรับภาระหนี้สินดัง กล่าว และมีเงื่อนไขต่างๆ ตามที่ระบุในสัญญา (ดูหมายเหตุข้อ 16) - วงเงินกู้ยืม 225 ล้านบาท อายุสัญญา 15 ปี อัตราดอกเบี้ย MLR ลบส่วนต่างที่กำหนด ขณะนี้ยังไม่ ได้มีการเบิกใช้ ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2539 บริษัทย่อยข้างต้นได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยกับสถาบันการเงิน ต่างประเทศแห่งหนึ่ง สัญญามีผลบังคับให้เปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเป็นอัตราคงที่ร้อยละ 8.0275 ต่อปี สำหรับเงินกู้ยืม 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐและอัตราคงที่ร้อยละ 11 ต่อปี สำหรับเงินกู้ยืม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินกู้ยืม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐดังกล่าว บริษัทได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนเป็นสกุล เงินบาท สัญญานี้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2539 ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2551 เงินกู้ยืมระยะยาวของบริษัทย่อยทั้งสองแห่ง ดังกล่าวมีการจดจำนองที่ดิน อาคารและจดจำนำอุปกรณ์ ของโรงไฟฟ้าตามที่ระบุในสัญญาและมีสัญญาจะโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่เจ้าหนี้เงินกู้ยืมเพื่อเป็นหลัก ประกัน เงินกู้ยืมของบริษัทย่อยสองแห่งดังกล่าวข้างต้นคงเหลือ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 และ 2539 จำนวน เงินประมาณ 407.49 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 425.37 ล้านเหรียญสหรัฐตามลำดับ .../16 - 16- 16. หุ้นกู้ หุ้นกู้เป็นหุ้นกู้ของบริษัทย่อยสองแห่งประกอบด้วย งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท ตามวิธีส่วนได้เสีย 2540 2539 2540 2539 หุ้นกู้ 10,519,099,143 10,811,494,132 - - หัก ส่วนที่ครบกำหนด ชำระภายในหนึ่งปี (310,130,420) (274,664,132) - - 10,208,968,723 10,536,830,000 - - หุ้นกู้ของบริษัทย่อยแห่งหนึ่งเป็นเงินกู้ยืมภายใต้สัญญา Master Agreement (ดูหมายเหตุข้อ 15) และ สัญญา Debenture Holder Representative Appointment Agreement NO.1 และ NO.2 สัญญาแต่ละ ฉบับลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2537 หุ้นกู้ครั้งที่ 1 แบ่งเป็น 4 ส่วน อายุ 5 ปี 7 ปี 10 ปี และ 12 ปี โดยมี กำหนดไถ่ถอนในปี 2542 2544 2547 และ 2549 หุ้นกู้ครั้งที่ 2 แบ่งเป็น 12 ส่วน อายุ 1-12 ปี โดยมี กำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ตั้งแต่ปี 2538-2549 มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 11.25 ต่อปี และจ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง หุ้นกู้ของบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งเป็นเงินกู้ยืมภายใต้สัญญา Master Agreement (ดูหมายเหตุข้อ 15) และ ข้อกำหนดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้ และเป็นหุ้นกู้มีประกันชนิดระบุชื่อผู้ ถือหุ้นจำนวน 750,000 หน่วย มีมูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 10,000 บาท โดยมีมูลค่ารวมหุ้นกู้ จำนวน 7,500 ล้านบาท ซึ่งได้เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป อายุหุ้นกู้ 15 ปี นับจากวันออกหุ้นกู้คือวันที่ 14 มิถุนายน 2539 วันครบกำหนดไถ่ถอนเป็นงวด ๆ ทุก 6 เดือน ตั้งแต่ปี 2539 ถึง 2554 มีอัตราดอกเบี้ย คงที่ร้อยละ 11.5625 ต่อปี และจ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง หุ้นกู้ของบริษัทย่อยสองแห่งดังกล่าวมีการจดจำนองที่ดิน และอาคารและจดจำนำอุปกรณ์ของ โรงไฟฟ้าตามที่ระบุในสัญญาและมีสัญญาจะโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่เจ้าหนี้หุ้นกู้เพื่อเป็นหลักประกัน .../17 - 17 - 17. ทุนเรือนหุ้น ผู้ถือหุ้นบริษัทได้มีมติเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2538 ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 4,000 ล้านบาทเป็น 5,300 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 130 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ซึ่งบริษัทได้ จดทะเบียนมติเพิ่มทุนกับกรมทะเบียนการค้าแล้วเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2538 ตามมติผู้ถือหุ้นดังกล่าวข้างต้นให้นำหุ้นสามัญใหม่ออกจัดสรรดังนี้ - เสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 40 ล้านหุ้น ในสัดส่วนหุ้นเดิม 10 หุ้นต่อหุ้นสามัญ ใหม่ 1 หุ้น ในราคาหุ้นละ 30 บาท บริษัทได้รับชำระค่าหุ้นครบถ้วนแล้วและได้จดทะเบียนเพิ่มทุน กับกรมทะเบียนการค้าแล้วเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2538 - ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญจำนวน 10 ล้านหน่วย โดยเสนอขายให้แก่พนักงานของ บริษัทและบริษัทในเครือในราคาหน่วยละ 0 บาท และใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยมีสิทธิในการ จองซื้อหุ้นสามัญใหม่ 1 หุ้น ในราคา 30 บาท โดยกำหนดให้ใช้สิทธิภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ออก ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อมาคณะกรรมการบริษัทได้มีมติเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2539 ให้เสนอขายหุ้นดังกล่าวให้แก่ผู้ลงทุนใน ประเทศจำนวน 56 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 72 บาท และเสนอขายแก่ผู้ลงทุนในต่างประเทศ จำนวน 24 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 83 บาท บริษัทได้รับเงินชำระค่าหุ้นจากการเสนอขายหุ้นดังกล่าวเป็นจำนวนเงิน 6,024 ล้านบาทครบถ้วนแล้ว และได้จดทะเบียนเพิ่มทุนเรียกชำระแล้วกับกรมทะเบียนการค้าเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2539 ดังนั้นจึงมี ทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นจำนวน 800 ล้านบาท และมีส่วนล้ำมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นจำนวน 5,224 ล้านบาท คณะกรรมการบริษัทได้มีมติเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2539 มอบอำนาจให้กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท เป็นผู้กำหนดและแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดของการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิตามที่เห็น สมควรและจำเป็น เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งหรือคำแนะนำของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลัก ทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง และบริษัทจะออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะ ซื้อหุ้นสามัญจำนวนที่จัดสรร 10 ล้านหน่วย โดยเสนอขายให้แก่พนักงานของบริษัทและบริษัทในเครือ ราคาที่ใช้สิทธิ 30 บาทต่อหุ้น โดยจะให้ใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ในวันที่ 17 เมษายน 2540 หรือวันที่ ครบกำหนดหนึ่งปีนับจากวันออกใบสำคัญแสดงสิทธิ .../18 - 18 - สำหรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นที่เหลือหลังจากเสนอขายภายใน 5 ปีแล้ว ให้อยู่ในดุลยพินิจของ ที่ประชุมผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2540 พนักงานของบริษัทและบริษัทในเครือได้ใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะ ซื้อหุ้นสามัญในปีแรกจำนวน 1,233,800 หุ้น ราคาที่ใช้สิทธิ 30 บาทต่อหุ้น บริษัทได้รับเงินชำระค่าหุ้น จากการเสนอขายหุ้นดังกล่าวเป็นจำนวนเงิน 37,014,000 บาท ครบถ้วนแล้ว และได้จดทะเบียนเพิ่มทุน ชำระแล้วกับกรมทะเบียนการค้าเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2540 ดังนั้นจึงมีทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นจำนวน 12,338,000 บาท และมีส่วนล้ำมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นจำนวน 24,676,000 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2540 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้จัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะ ซื้อหุ้นสามัญในปีที่ 2 ให้แก่กรรมการบริษัทและบริษัทย่อยที่จะมีสิทธิได้รับการจัดสรรใบสำคัญแสดง สิทธิ จำนวน 124,900 หน่วย 18. สำรองตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทจะต้องจัดสรรกำไรสุทธิประจำปีส่วนหนึ่งไว้เป็นทุน สำรองไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของกำไรสุทธิประจำปี หักด้วยยอดขาดทุนสะสมยกมา (ถ้ามี) จนกว่าทุน สำรองนี้จะมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละสิบของทุนจดทะเบียน บริษัทจัดสรรสำรองตามกฎหมายจากกำไรสุทธิปีปัจจุบันที่ไม่รวมส่วนได้เสียในกำไรสุทธิที่ยังไม่ได้ แบ่งของบริษัทย่อย 19. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทและบริษัทย่อยได้จัดตั้งกองทุนเงินสะสมพนักงานสำหรับพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อยที่ สมัครเป็นสมาชิกของกองทุนโดยหักจากเงินเดือนของพนักงานส่วนหนึ่งและบริษัทจ่ายสมทบให้อีก ส่วนหนึ่ง บริษัทและบริษัทย่อยได้แต่งตั้งผู้จัดการกองทุนเพื่อบริหารกองทุนดังกล่าวตามกฎเกณฑ์และ ข้อกำหนดพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 .../19 - 19 - 20. รายได้จากการขาย 20.1 รายได้จากการขายได้แก่ ค่าขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย 2540 2539 รายได้ค่าพลังไฟฟ้า 7,572,694,564 5,894,945,745 รายได้ค่าพลังงานไฟฟ้า 104,413,518 91,864,221 รวม บาท 7,677,108,082 5,986,809,966 รายได้ค่าไฟฟ้าในส่วนของรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้าของบริษัทตั้งแต่เริ่มดำเนินงานจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2540 และ 2539 ไม่ได้รวมคำนวณต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ บริษัทไม่มีต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับภาระ ต้นทุนก๊าซธรรมชาติ จนกว่าบริษัทจะมีสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับการปิโตเลียมแห่ง ประเทศไทย ตามเงื่อนไขของสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ทั้งนี้บริษัทต้องรอให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทยแจ้งความประสงค์ให้กับบริษัทดำเนินการเจรจากับการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ก่อนซึ่งในปัจจุบันการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ยังมิได้แจ้งความประสงค์ดังกล่าวโดยยัง คงเป็นผู้จัดหาก๊าซธรรมชาติให้แก่บริษัท 20.2 สัญญาซื้อขายกระแสไฟฟ้า (PPA) ที่บริษัทได้ทำไว้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นั้น บริษัทสามารถนำผลกระทบที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับภาระค่าใช้จ่ายของ เงินดอลล่าร์สหรัฐไปขอปรับสูตรการคำนวณรายได้ค่าพลังไฟฟ้าของเดือนนั้นๆ จาก กฟผ. ตาม The First Amendment to Power Purchase Agreement ลงวันที่ 30 มกราคม 2541 21. ต้นทุนขาย ต้นทุนขายของบริษัทย่อยสองแห่งประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายหลักที่สำคัญ ได้แก่ ค่าเบี้ยประกันภัย ค่าบำรุงรักษา ค่าสัมปทานและค่าเสื่อมราคา โดยไม่รวมคำนวณต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับภาระต้นทุนก๊าซธรรมชาติแทนบริษัทจนกว่าบริษัทจะมี สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยตามเงื่อนไขของสัญญาซื้อขายไฟฟ้า .../20 - 20 - 22. ภาษีเงินได้ บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากการผลิตไฟฟ้า โดยได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เป็น เวลา 8 ปี (ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2538 ถึงวันที่ 19 เมษายน 2546) และได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้ สำหรับกำไรสุทธิในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติมีกำหนดเวลา 5 ปี นับจากพ้นกำหนดเวลา 8 ปีดัง กล่าว (ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2546 ถึงวันที่ 19 เมษายน 2551) บริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุน จากการผลิตไฟฟ้าโดยได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ เป็นเวลา 8 ปี (ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2539 ถึงวันที่ 25 กันยายน 2547) และได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้ สำหรับกำไรสุทธิในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติมีกำหนดเวลา 5 ปี นับจากพ้นกำหนดเวลา 8 ปี ดัง กล่าว (ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2547 ถึงวันที่ 25 กันยายน 2552) สำหรับรายได้อื่นที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน คำนวณภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 30 ของกำไร สุทธิก่อนภาษีเงินได้ 23. ขาดทุนจากการใช้ระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราแบบลอยตัว สำหรับปีสิ้นสุดเพียงวันที่ 31 ธันวาคม 2540 บริษัทย่อยสองแห่งมีผลขาดทุนจากการใช้ระบบการแลก เปลี่ยนเงินตราแบบลอยตัว ซึ่งคำนวณจากการแปลงค่าสินทรัพย์และหนี้สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ให้เป็นเงินบาทตามวิธีการที่กล่าวไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 6.6 และแสดงเป็นรายการ พิเศษในงบกำไรขาดทุนมีจำนวน 7,235,082,720 บาท 24. สัญญาที่สำคัญ 24.1 สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในปี 2537 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สัญญาดังกล่าวมีอายุ 20 ปี นับตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2537 และมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการขายไฟฟ้า ของบริษัทให้กับบุคคลที่สามตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา ตลอดจนภาระผูกพันตามสัญญาจะ โอนสิทธิเรียกร้อง (ดูหมายเหตุข้อ 24.3) .../21 (ยังมีต่อ)