15 พฤศจิกายน 2547
ำอธิบายงบการเงินไตรมาสที่ 3
5) ค่าใช้จ่ายของกลุ่มธุรกิจอื่นๆ จำนวน 289 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 93
ล้านบาท หรือ ร้อยละ 48 รายละเอียดดังต่อไปนี้
* ต้นทุนบริการ จำนวน 177 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83 ล้านบาท หรือร้อยละ 88 เป็นผลมาจากการ
เพิ่มขึ้นของการให้บริการบำรุงรักษาและเดินเครื่องของ เอสโก ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น
* ต้นทุนขายน้ำประปา จำนวน 41 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 1 ล้าน
บาท หรือ ร้อยละ 3 มาจาก เอ็กคอมธารา เนื่องจากค่าบำรุงรักษาลดลง
* ค่าใช้จ่ายในการบริหารและอื่นๆ จำนวน 62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
จำนวน 16 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 35 สาเหตุหลักจาก เอสโก ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น
* ดอกเบี้ยจ่าย จำนวน 8 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 4 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 35 เนื่องจากเงินต้นคงเหลือและอัตราดอกเบี้ยของ เอ็กคอมธารา ลดลง
3. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน
3.1 การวิเคราะห์สินทรัพย์
ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 บผฟ. บริษัทย่อย บริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า มีสินทรัพย์รวม
จำนวน 56,210 ล้านบาท ลดลง 227 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 0.40 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2546 โดยมี
รายละเอียดสำคัญดังนี้
1) เงินสด เงินฝากธนาคารและสถาบันการเงิน และเงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของ
ตลาด ทั้งระยะสั้นและระยะยาว จำนวน 6,444 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11 ของสินทรัพย์รวม ลดลง
1,371 ล้านบาท หรือร้อยละ 18 ส่วนใหญ่มาจาก เงินฝากธนาคารและสถาบันการเงินและหลักทรัพย์
ในความต้องการตลาดระยะสั้นลดลงจำนวน 1,347 ล้านบาท และเงินลงทุนระยะยาวในหลักทรัพย์ใน
ความต้องการตลาดและอื่นๆลดลง จำนวน 650 ล้านบาท เนื่องจากการลงทุนเพิ่มในโครงการของ จีอีซี
และการให้เงินกู้ยืมแก่จีอีซี และเอ็นทีพีซี ประกอบกับราคาตลาดที่ลดลงของหลักทรัพย์ในความต้องการ
ของตลาด ในขณะที่เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น 626 ล้านบาท
2) เงินลงทุนระยะสั้นและระยะยาวที่ใช้เป็นหลักประกัน จำนวน 10,290 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน
ร้อยละ 18 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 337 ล้านบาท หรือร้อยละ 3 โดยเงินสำรองบางส่วนเป็นเงิน
สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2547 เจ้าหนี้เงินกู้ของ บฟข.
ได้ฃอนุมัติการยกเลิกการกันเงินสำรองเพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
3) เงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จำนวน 368 ล้านบาท
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1 ของสินทรัพย์รวม ลดลง 1 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.39 สาเหตุหลักมาจากโครง
การน้ำเทิน 2 รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากการตัดจ่ายค่าพัฒนาโครงการตามนโยบายบัญชีใหม่จำนวน 24
ล้านบาท ในขณะที่รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก เออีพี และ อเมสโก จำนวน 19 ล้านบาท และ 3 ล้านบาท ตาม
ลำดับ
4) ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์สุทธิ จำนวน 29,730 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 53 ของสิน
ทรัพย์รวม ลดลง 1,813 ล้านบาท หรือร้อยละ 6 สาเหตุหลักจากการตัดค่าเสื่อมราคาของทรัพย์
สิน บผฟ. และบริษัทย่อยอื่นๆ จำนวน 1,806 ล้านบาท และการโอนวัสดุสำรองหลักที่ไม่ได้ใช้
งานออกไปยังวัสดุสำรองคลังของ บฟข. และ บฟร. จำนวน 268 ล้านบาทและ 96 ล้านบาท จาก
การเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชี ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของโรงไฟฟ้าของ จีอีซี จำนวน 11
ล้านบาท ในขณะที่ผลกระทบจากการแปลงค่างบการเงินของทรัพย์สินของบริษัทที่อยู่ในต่าง
ประเทศ เพิ่มขึ้นจำนวน 39 ล้านบาท อีกทั้งทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากวัสดุสำรองหลัก
ของ บฟร. และ บฟข. จำนวน 38 ล้านบาท และ 91 ล้านบาทตามลำดับ การก่อสร้างโรงไฟฟ้า
เพิ่มเติมของ จีอีซี จำนวน 83 ล้านบาท และอื่นๆ 117 ล้านบาท
5) สินทรัพย์อื่นๆ จำนวน 9,377 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น
2,622 ล้านบาท หรือร้อยละ 39 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้การค้าที่เกี่ยวข้องกันจำนวน
1,079 ล้านบาท วัสดุสำรองคลังเพิ่มขึ้น 720 ล้านบาท เงินให้กู้ยืมระยะยาวของ บผฟ. แก่ จีอีซี จำนวน
242 ล้านบาท เอ็นทีพีซี จำนวน 493 ล้านบาท และสินทรัพย์หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น 122 ล้านบาท
3.2 การวิเคราะห์หนี้สิน
ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 บริษัทมีหนี้สินรวม จำนวน 27,851 ล้านบาท ลดลง 1,884 ล้านบาท
หรือร้อยละ 6 เนื่องจากการชำระคืนเงินกู้และหุ้นกู้ของ บผฟ. บฟร. และ บฟข.
1) เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ จำนวน 25,847 ล้านบาท หรือร้อยละ 93 ของหนี้สินรวม ซึ่ง
ลดลง 2,065 ล้านบาท หรือร้อยละ 7 โดยมีรายละเอียดเป็นเงินตราสกุลต่างๆ ดังนี้
- เงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 353 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
- เงินกู้สกุลเยน จำนวน 1,163 ล้านเยน
- เงินกู้สกุลเปโซ จำนวน 96 ล้านเปโซ
- เงินกู้สกุลบาท จำนวน 3,544 ล้านบาท
- หุ้นกู้ จำนวน 7,163 ล้านบาท
ใน 9 เดือนแรก ปี 2547 เงินกู้สกุลบาท ดอลลาร์สหรัฐฯ และ เปโซ รวมทั้งหุ้นกู้ลดลงรวม 2,124
ล้านบาท ส่วนใหญ่จากการชำระคืนเงินต้นของ บผฟ. บฟร. บฟข. เอพีบีพี ทีแอลพีโคเจน โคแนล
เอ็กคอมธารา และ การรีไฟแนนซ์เงินกู้ ของ จีอีซี ในขณะที่มีเงินกู้สกุลเยนเพิ่มขึ้น 54 ล้านบาท มาจาก
การเบิกเงินกู้ในการสร้างโรงไฟฟ้าร้อยเอ็ด กรีน
2) หนี้สินอื่นๆ จำนวน 2,005 ล้านบาทหรือร้อยละ 7 ของหนี้สินรวม ส่วนใหญ่ ได้แก่ ดอกเบี้ย
ค้างจ่าย 573 ล้านบาท เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ระยะสั้น 340 ล้านบาท เจ้าหนี้การค้า 335 ล้านบาท ภาษี
มูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้ค้างจ่าย 246 ล้านบาท และ อื่นๆ 511 ล้านบาท
3.3 การวิเคราะห์ส่วนของผู้ถือหุ้น
ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 ส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งไม่รวมหุ้นที่ซื้อคืนแล้ว เป็นเงินจำนวน 28,358
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน 1,657 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัยหลักคือ บผฟ. มีกำไรจากผลการดำเนิน
งาน ในขณะที่กำไรที่ยังไม่รับรู้จากการปรับมูลค่าการลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด
ลดลงทั้งสิ้น 849 ล้านบาท สาเหตุจากการเพิ่มทุนของบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวัน
ออกทำให้ราคาหุ้นลดลง และการจ่ายปันผลของ KTSF
จากการวิเคราะห์โครงสร้างของเงินทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 สรุปได้ดังนี้
ส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 28,358 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50.45
หนี้สิน จำนวน 27,851 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 49.55
สามารถคำนวณหา อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ ได้ดังนี้
- อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.98 เท่า ต่ำกว่าสิ้นปี 2546 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.11
เท่า
- มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์สุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 52.16 บาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2546 ซึ่งอยู่ที่
ระดับ 49.21 บาท
4. รายงานและวิเคราะห์กระแสเงินสด
งบกระแสเงินสดแสดงกระแสเงินสดที่เปลี่ยนแปลงจากกิจกรรมดำเนินงาน กิจกรรมลงทุน และ
กิจกรรมจัดหาเงิน ณ สิ้นงวดบัญชี และแสดงเงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือสิ้นงวด ณ วันที่ 30
กันยายน 2547 เงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือ เป็นเงินจำนวน 2,357 ล้านบาท ลดลงจากต้นงวด
626 ล้านบาท ซึ่งมีรายละเอียดของแหล่งที่มาและแหล่งที่ใช้ไปของเงินดังต่อไปนี้
- เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน จำนวน 4,431 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากเงินสดที่
ได้จากดำเนินงาน 6,009 ล้านบาท ลดลงจากปี 2546 จำนวน 1,067 ล้านบาท ในขณะที่ลูกหนี้เพิ่มขึ้น
1,144 ล้านบาท และวัสดุสำรองคลังเพิ่มขึ้น 485 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมลงทุน จำนวน 355 ล้านบาท โดยเป็นเงินสดที่ได้มาจากการ
จำหน่ายเงินลงทุนทางการเงินระยะสั้นจำนวน 1,375 ล้านบาท และได้รับเงินปันผลจากบริษัทจัดการ
และพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก และ กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นผสมตราสารหนี้ปันผล จำนวน 40
ล้านบาท และ 334 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่ บผฟ. ให้กู้ยืมเงินแก่ จีอีซี และเอ็นทีพีซี จำนวน 242
ล้านบาท และ 479 ล้านบาท ตามลำดับ ซื้อสินทรัพย์ 273 ล้านบาท ลงทุนในเงินลงทุนระยะยาว 198
ล้านบาท เงินลงทุนที่ จีอีซีซื้อหุ้นใน จีพีจี จาก MEC Laguna Power B.V. จำนวน 159 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิที่ใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงิน จำนวน 4,165 ล้านบาท เนื่องจากสาเหตุหลักคือ
การชำระคืนหุ้นกู้ บผฟ. การชำระคืนเงินกู้ของ บฟร. บฟข. ทีแอลพี โคเจน ร้อยเอ็ดกรีน เอพีบีพี และจีอี
ซี จำนวน 2,768 ล้านบาท และการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 1,548 ล้านบาท ในขณะที่มีการ
เบิกเงินกู้เพิ่มของ ทีแอลพีโคเจน และ ร้อยเอ็ด กรีน จำนวน 116 ล้านบาท