EN | TH
11 สิงหาคม 2548

ทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ครึ่งปีแรกปี 2548

ช่วงเดียวกันของปีก่อน 15 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 7 รายละเอียดดังต่อไปนี้ - ต้นทุนขาย จำนวน 94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 10 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 12 ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น - ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 76 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของ ปีก่อน จำนวน 24 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 24 เนื่องจากการปรับปรุงภาษีเงินได้รอ การตัดจ่ายของปี 2547 - ดอกเบี้ยจ่าย จำนวน 33 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 2 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 5 เนื่องจากเงินต้นลดลง 5) ค่าใช้จ่ายของกลุ่มธุรกิจอื่นๆ จำนวน 264 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน ของปีก่อนจำนวน 63 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 31 รายละเอียดดังต่อไปนี้ - ต้นทุนบริการ จำนวน 189 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 59 ล้านบาท หรือร้อยละ 46 เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการให้บริการบำรุงรักษาและเดินเครื่องของ เอสโก ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น - ต้นทุนขายน้ำประปา จำนวน 27 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 1 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 2 มาจาก เอ็กคอมธารา เนื่องจากค่าจ้างผลิตน้ำประปา และบำรุงรักษาระบบผลิตและท่อส่งน้ำประปาลดลง - ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของ ปีก่อน จำนวน 6 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 16 สาเหตุจากการเพิ่มขึ้นของภาษีเงินได้ของ เอสโก จำนวน 18 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับกำไรที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารทั่วไป ลดลง 11 ล้านบาท เนื่องจากมีการตัดจำหน่ายหนี้สูญของบริษัท พลังงานการเกษตร จำกัด ในปี 2547 - ดอกเบี้ยจ่าย จำนวน 3 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 2 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 40 เนื่องจากเงินต้นคงเหลือของ เอ็กคอมธารา ลดลง 4. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน 4.1 การวิเคราะห์สินทรัพย์ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 บผฟ. บริษัทย่อย บริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า มีสินทรัพย์รวม จำนวน 56,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,884 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2547 โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้ 1) เงินสด เงินฝากสถาบันการเงิน เงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด ทั้งระยะสั้นและระยะยาว จำนวน 10,543 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19 ของ สินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 3,203 ล้านบาท หรือร้อยละ 44 ส่วนใหญ่มาจากเงินสดและรายการ เทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น 4,313 ล้านบาท เงินฝากสถาบันการเงินและหลักทรัพย์ในความ ต้องการตลาดระยะสั้นซึ่งลดลงจำนวน 1,079 ล้านบาท เงินลงทุนระยะยาวในหลักทรัพย์ ในความต้องการตลาดและอื่นๆลดลง จำนวน 31 ล้านบาท 2) เงินลงทุนระยะสั้นและระยะยาวที่ใช้เป็นหลักประกัน จำนวน 5,298 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9 ของสินทรัพย์รวม ลดลง 2,122 ล้านบาท หรือร้อยละ 29 เนื่องจาก ในไตรมาสที่ 1 เจ้าหนี้เงินกู้ของ บฟร. ได้อนุมัติการลดระดับเงินสำรองในบัญชีหลักประกัน Foreign Exchange Reserve Account (FEXRA) ลงเหลือ 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอนุมัติให้นำหนังสือค้ำประกันธนาคารไปวางแทนเงินสำรองในบัญชีหลักประกัน Debt Service Reserve Account (DSRA) จำนวน 13.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 3) เงินลงทุนในบริษัทย่อย บริษัทร่วมและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จำนวน 417 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 19 ล้านบาท หรือร้อยละ 5 เกิดจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก เออีพี 4) ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์สุทธิ จำนวน 31,723 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 56 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 440 ล้านบาท หรือร้อยละ 1 สินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจาก การก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมของ จีอีซี จำนวน 1,372 ล้านบาท การบันทึกวัสดุสำรองหลัก เป็นต้นทุนของสินทรัพย์เนื่องจากการซ่อมบำรุงรักษาของ บฟร. และ ทีแอลพี โคเจน จำนวน 169 ล้านบาท และ28 ล้านบาท ตามลำดับ และ ผลกระทบจากการแปลงค่างบการเงินของ สินทรัพย์ของบริษัทที่อยู่ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น จำนวน 65 ล้านบาท ในขณะที่สินทรัพย์ลดลงเนื่องจากการตัดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ บผฟ. และบริษัทย่อย อื่นๆ จำนวน 1,214 ล้านบาท และการโอนวัสดุสำรองหลักที่ไม่ได้ใช้งานออกไปยังวัสดุ สำรองคลังของ ทีแอลพี โคเจน และ บฟร. จำนวน 23 ล้านบาท และ 15 ล้านบาทตามลำดับ 5) สินทรัพย์อื่นๆ จำนวน 8,970 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 344 ล้านบาท หรือร้อยละ 4 ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้และลูกหนี้การค้า กิจการที่เกี่ยวข้องกันจำนวน 337 ล้านบาท สินทรัพย์อื่นๆ เพิ่มขึ้น 410 ล้านบาท วัสดุสำรอง คลังที่เพิ่มขึ้นจำนวน 155 ล้านบาท ในขณะที่ค่าความนิยมตัดจำหน่ายลดลง 43 ล้านบาท และเงินให้กู้ยืมระยะยาวของ บผฟ. แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันลดลง 514 ล้านบาท เนื่องจาก เอ็นทีพีซี ชำระคืนเงินกู้ทั้งหมดแล้ว 4.2 การวิเคราะห์หนี้สิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 บริษัทมีหนี้สินรวม จำนวน 26,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171 ล้านบาท หรือร้อยละ 1 เนื่องจากดอกเบี้ยค้างจ่ายและเจ้าหนี้ค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ เพิ่มขึ้น ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1) เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ จำนวน 23,775 ล้านบาท หรือร้อยละ 91 ของหนี้สินรวม ลดลง 158 ล้านบาท หรือร้อยละ 1 โดยมีรายละเอียดเป็นเงินตราสกุลต่างๆ ดังนี้ - เงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 296 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ - เงินกู้สกุลเยน จำนวน 1,115 ล้านเยน - เงินกู้สกุลเปโซ จำนวน 83 ล้านเปโซ - เงินกู้สกุลบาท จำนวน 5,928 ล้านบาท - หุ้นกู้สกุลบาท จำนวน 5,304 ล้านบาท ในครึ่งปีแรก ปี 2548 เงินกู้สกุลบาทเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 538 ล้านบาท จากการเบิกเงินกู้ ในการสร้างโรงไฟฟ้าของ จีอีซี ในขณะที่ เงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ และ เยน ลดลงรวมทั้งสิ้น 438 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากการชำระคืนเงินต้นของ บฟร. บฟข. และ ร้อยเอ็ด กรีน ส่วนหุ้นกู้ สกุลบาทลดลง 253 ล้านบาทจากการจ่ายชำระคืนของ บฟข. 2) หนี้สินอื่นๆ จำนวน 2,359 ล้านบาทหรือร้อยละ 9 ของหนี้สินรวม ได้แก่ เงินเบิกเกิน บัญชีและเงินกู้ระยะสั้น 214 ล้านบาท เจ้าหนี้การค้า 522 ล้านบาท เจ้าหนี้ค่าก่อสร้าง 258 ล้านบาท ดอกเบี้ยค้างจ่าย 180 ล้านบาท ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้ค้างจ่าย 379 ล้านบาท และ อื่นๆ 806 ล้านบาท 4.3 การวิเคราะห์ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 ส่วนของผู้ถือหุ้น มีจำนวน 30,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก สิ้นปี 2547 จำนวน 1,713 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัยหลักคือ บผฟ. มีกำไรจากผลการ ดำเนินงาน จากการวิเคราะห์โครงสร้างของเงินทุน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 สรุปได้ดังนี้ ส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 30,816 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54.11 หนี้สิน จำนวน 26,134 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45.89 สามารถคำนวณหา อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ ได้ดังนี้ - อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.85 เท่า ต่ำกว่าสิ้นปี 2547 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.89 เท่า - มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์สุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 56.63 บาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2547 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 53.55 บาท 5. รายงานและวิเคราะห์กระแสเงินสด งบกระแสเงินสดแสดงกระแสเงินสดที่เปลี่ยนแปลงจากกิจกรรมดำเนินงาน กิจกรรม ลงทุน และกิจกรรมจัดหาเงิน ณ สิ้นงวดบัญชี และแสดงเงินสดและรายการเทียบเท่า คงเหลือสิ้นงวด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 เงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือ เป็นเงินจำนวน 6,164 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากต้นงวดจำนวน 4,313 ล้านบาท ซึ่งมี รายละเอียดของแหล่งที่มาและแหล่งที่ใช้ไปของเงินดังต่อไปนี้ - เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน จำนวน 4,959 ล้านบาท ส่วนใหญ่ มาจากเงินสดที่ได้จากดำเนินงาน 4,095 ล้านบาท และการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และ หนี้สินหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น 864 ล้านบาท - เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมลงทุน จำนวน 754 ล้านบาท โดยได้รับ เงินสดจากเงินฝากสถาบันการเงินจำนวน 1,035 ล้านบาท บผฟ. ได้รับเงินกู้ยืมคืนจาก เอ็นทีพีซี จำนวน 971 ล้านบาท และได้รับเงินปันผลจากบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากร น้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นผสมตราสารหนี้ปันผลและกองทุน เปิดอื่นๆ จำนวน 61 ล้านบาท 91 ล้านบาท และ 20 ล้านบาทตามลำดับ ในขณะที่มี เงินลงทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าของ จีอีซี จำนวน 965 ล้านบาท - เงินสดสุทธิใช้ไปสำหรับกิจกรรมจัดหาเงิน จำนวน 1,400 ล้านบาท เนื่องจาก สาเหตุหลักคือการชำระคืนเงินกู้ และ หุ้นกู้ ของ บฟร. บฟข. เอ็กคอมธารา ทีแอลพี โคเจน ร้อยเอ็ด กรีน เอพีบีพี จีอีซี และโคแนล จำนวน 1,586 ล้านบาท และการจ่ายเงินปันผล ให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 881 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกเงินกู้เพิ่มของ จีอีซี จำนวน 983 ล้านบาท และเงินสดรับจากการขาย Treasury Stock จำนวน 100 ล้านบาท