15 พฤษภาคม 2549
ทรายงานและการิวเคราะห์ของฝ่ายบริหาร งวด 3 เดือน ปี 2549
เอพีบีพี 65 64 2%
ร้อยเอ็ด กรีน 30 27 10%
รวมต้นทุนขาย-เอสพีพี 1,169 931 26%
- ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 105 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลา
เดียวกันของปีก่อนจำนวน 47 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 81 สาเหตุหลักจากค่าใช้จ่ายในการ
บริหารและภาษี ของ จีอีซี จำนวน 94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42 ล้านบาท เนื่องจากค่าโบนัส
กรรมการและพนักงาน และค่าธรรมเนียมผูกพันผู้กู้ (Commitment Fee) ของโครงการ
แก่งคอย 2
- ดอกเบี้ยจ่าย จำนวน 144 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
จำนวน 66 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 86 สาเหตุหลักมาจาก ดอกเบี้ยจ่ายของ จีอีซี ที่เพิ่มขึ้น
จำนวน 68 ล้านบาท เนื่องจากค่า Unwind cost ของสัญญา Interest Rate Swap
และการเบิกเงินกู้เพื่อใช้ในการบริหารงานของโครงการแก่งคอย 2 สำหรับดอกเบี้ยจ่ายของ
ทีแอลพี โคเจน และ ร้อยเอ็ด กรีน ลดลง 2 ล้านบาท และ 1 ล้านบาท ตามลำดับ
เนื่องจากจำนวนเงินต้นลดลง
4) กลุ่มธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าต่างประเทศ ประกอบด้วย โคแนล และ เอ็นทีพีซี
มีรายได้รวม 195 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 4 ล้านบาท
หรือร้อยละ 2 ส่วนค่าใช้จ่ายรวมของกลุ่มเป็นจำนวน 96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลา
เดียวกันของปีก่อน 23 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 31 รายละเอียดดังต่อไปนี้
รายได้และค่าใช้จ่ายของกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตโรงไฟฟ้าต่างประเทศ: หน่วย : ล้านบาท
โคแนล เอ็นทีพีซี รวม
Q1'49 Q1'48 Q1'49 Q1'48 Q1'49 Q1'48 %เปลี่ยนแปลง
รายได้รวม 195 199 0.42 - 195 199 (2%)
ค่าใช้จ่ายรวม 91 73 5 - 96 73 31%
- รายได้ค่าไฟฟ้า จำนวน 180 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 8
ล้านบาท หรือ ร้อยละ 4 ซึ่งเกิดจากการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ลดลงเนื่องจากการโอนโรงไฟฟ้า
จำนวน 40 เมกะวัตต์ ของ เอ็นเอ็มพีซี ให้แก่ เอ็นพีซี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ซึ่งเป็นไป
ตามสัญญาที่กำหนดไว้
- รายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ จำนวน 15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4 ล้านบาท
หรือ คิดเป็นร้อยละ 33 มาจากรายได้อื่นและดอกเบี้ยรับของ โคแนลที่เพิ่มขึ้น
- ต้นทุนขาย จำนวน 11 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 27
ล้านบาท หรือ ร้อยละ 71 เนื่องจากการโอนโรงไฟฟ้าของเอ็นเอ็มพีซี
- ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลา
เดียวกันของปีก่อน จำนวน 46 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 245 เนื่องจากการเปลี่ยนมาใช้
การบันทึกบัญชีวิธีรวมตามสัดส่วนสำหรับ เอ็นทีพีซี ทำให้เริ่มต้นบันทึกค่าใช้จ่ายในการ
ดำเนินงานโครงการน้ำเทิน 2 จำนวน 5 ล้านบาท สำหรับโคแนล มีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 59
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 1 ปี 2548 มีการปรับปรุงภาษีเงินได้
รอการตัดจ่าย
- ดอกเบี้ยจ่าย จำนวน 20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
จำนวน 5 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 29
5) กลุ่มธุรกิจอื่นๆ ประกอบด้วย 2 บริษัทย่อยคือ เอสโก และ เอ็กคอมธารา
มีรายได้รวมทั้งสิ้น 336 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 110
ล้านบาท หรือ ร้อยละ 49 และมีค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 234 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลา
เดียวกันของปีก่อน จำนวน 81 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 53 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
รายได้และค่าใช้จ่ายของกลุ่มธุรกิจอื่นๆ: หน่วย : ล้านบาท
เอสโก เอ็กคอมธารา รวม
Q1'49 Q1'48 Q1'49 Q1'48 Q1'49 Q1'48 %เปลี่ยนแปลง
รายได้รวม 290 184 46 42 336 226 49%
ค่าใช้จ่ายรวม 220 137 15 16 234 153 53%
- รายได้ค่าบริการของเอสโก จำนวน 285 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกัน
ของปีก่อน จำนวน 104 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 57 สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของการให้การ
บริการบำรุงรักษาหลัก และขายอุปกรณ์เครื่องจักรในการผลิตไฟฟ้าระหว่างเอสโก กับ โรงไฟฟ้า
เอลกาลี 2 ประเทศซูดาน
- รายได้ค่าน้ำ ของเอ็กคอมธารา จำนวน 45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ปี 2548
จำนวน 4 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 9 เนื่องจากอัตราค่าน้ำที่เพิ่มขึ้นตามสัญญาระยะยาวกับ
การประปาส่วนภูมิภาค
- รายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ จำนวน 4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 ล้านบาท
หรือ คิดเป็นร้อยละ 54 ส่วนใหญ่มาจากรายได้อื่นๆของเอสโก
- ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยและกิจการร่วมค้าของเอสโก จำนวน 1.48 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 1.40 ล้านบาท จาก บริษัท อมตะ เพาเวอร์-เอสโก เซอร์วิส จำกัด (อเมสโก)
- ต้นทุนบริการ จำนวน 187 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 77 ล้านบาท หรือร้อยละ 70
เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการให้บริการบำรุงรักษาและเดินเครื่องของ เอสโก ซึ่ง
สอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น
- ต้นทุนขายน้ำประปา จำนวน 14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
จำนวน 0.44 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 3.39 มาจาก เอ็กคอมธารา เนื่องจากค่าจ้างผลิตน้ำ
ประปาและบำรุงรักษาระบบผลิตและท่อส่งน้ำประปาเพิ่มขึ้น
- ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก
ของปีก่อน จำนวน 4 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 15 เนื่องจากภาษีเงินได้ของเอสโกเพิ่มขึ้น 5
ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น
- ดอกเบี้ยจ่าย จำนวน 1 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน
0.81 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 48 เนื่องจากเงินต้นคงเหลือของเงินกู้ของ เอ็กคอมธารา ลดลง
4. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน
4.1 การวิเคราะห์สินทรัพย์
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 บผฟ. บริษัทย่อย บริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า
มีสินทรัพย์รวมจำนวน 66,780 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,530 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 9
เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2548 โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้
1) เงินสด เงินฝากสถาบันการเงิน เงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความ
ต้องการของตลาด ทั้งระยะสั้นและระยะยาว จำนวน 12,940 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน
ร้อยละ 19 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 527 ล้านบาท หรือร้อยละ 4 สาเหตุหลักจากเงินสด
และรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น 391 ล้านบาท เงินลงทุนระยะยาวในหลักทรัพย์ในความ
ต้องการของตลาดและเงินลงทุนอื่นๆเพิ่มขึ้น 120 ล้านบาทและเงินฝากสถาบันการเงินและ
หลักทรัพย์ในความต้องการตลาดระยะสั้นเพิ่มขึ้น 16 ล้านบาท
2) เงินลงทุนระยะสั้นและระยะยาวที่ใช้เป็นหลักประกัน จำนวน 7,163 ล้านบาท
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 2,688 ล้านบาท หรือร้อยละ 60
สาเหตุหลักจากการทยอยสำรองไว้เพื่อใช้ในการจ่ายชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยที่จะครบ
กำหนดชำระคืนของ บฟร. และ บฟข.
3) เงินลงทุนในบริษัทย่อย บริษัทร่วมและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จำนวน
443 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 40 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 10 เกิดจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก เออีพี
4) ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์สุทธิ จำนวน 37,237 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน
ร้อยละ 56 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 2,488 ล้านบาท หรือร้อยละ 7 สินทรัพย์
ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจาก การก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมของ จีอีซี และเอ็นทีพีซี
จำนวน 2,754 ล้านบาทและ 347 ล้านบาทตามลำดับ การบันทึกวัสดุสำรองหลัก
เป็นสินทรัพย์เนื่องจากการซ่อมบำรุงรักษาของ บฟข. บฟร. และ ทีแอลพีโคเจน
จำนวน 101 ล้านบาท 22 ล้านบาท และ 41 ล้านบาท ตามลำดับ
ในขณะที่สินทรัพย์ลดลง เนื่องจากการตัดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ บผฟ.
และบริษัทย่อยอื่นๆ จำนวน 636 ล้านบาท และการโอนวัสดุสำรองหลักที่ไม่ได้
ใช้งานออกไปยังวัสดุสำรองคลังของ บฟร. บฟข. และ ทีแอลพี โคเจน จำนวน 37
ล้านบาท 59 ล้านบาท และ 35 ล้านบาท ตามลำดับ
5) สินทรัพย์อื่นๆ จำนวน 8,998 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13 ของ
สินทรัพย์รวม ลดลง 212 ล้านบาท หรือร้อยละ 2 ซึ่งเป็นผลจากลูกหนี้การค้า
กิจการที่เกี่ยวข้องกันลดลง 622 ล้านบาท ในขณะที่มีรายได้ค้างรับ เพิ่มขึ้นจำนวน
166 ล้านบาท และสินทรัพย์หมุนเวียนอื่นๆ เพิ่มขึ้น 196 ล้านบาท
4.2 การวิเคราะห์หนี้สิน
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 บริษัทมีหนี้สินรวม จำนวน 32,377 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 3,241 ล้านบาท หรือร้อยละ 11 เนื่องจากเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบัน
การเงินที่เพิ่มขึ้น ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1) เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ จำนวน 27,105 ล้านบาท หรือร้อยละ 84
ของหนี้สินรวม เพิ่มขึ้น 3,619 ล้านบาท หรือร้อยละ 15 โดยมีรายละเอียดเป็นเงินตราสกุล
ต่างๆ ดังนี้
- เงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 380 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เงินกู้สกุลเยน จำนวน 1,034 ล้านเยน
- เงินกู้สกุลเปโซ จำนวน 72 ล้านเปโซ
- เงินกู้สกุลบาท จำนวน 7,763 ล้านบาท
- หุ้นกู้สกุลบาท จำนวน 4,927 ล้านบาท
ในไตรมาส 1 ปี 2549 มีการเบิกเงินกู้เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 4,730 ล้านบาท
สำหรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าของ จีอีซี เอ็นทีพีซี และ เอพีบีพี ในขณะที่ มีการชำระคืน
เงินกู้ยืมระยะยาวรวมทั้งสิ้น 412 ล้านบาท
2) หนี้สินอื่นๆ จำนวน 5,273 ล้านบาทหรือร้อยละ 16 ของหนี้สินรวม ได้แก่
เจ้าหนี้ค่าก่อสร้าง 1,315 ล้านบาท เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ระยะสั้น 104 ล้านบาท
เจ้าหนี้การค้า 913 ล้านบาท ดอกเบี้ยค้างจ่าย 408 ล้านบาท ภาษีมูลค่าเพิ่มและ
ภาษีเงินได้ค้างจ่าย 713 ล้านบาท และ อื่นๆ 1,820 ล้านบาท
4.3 การวิเคราะห์ส่วนของผู้ถือหุ้น
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 ส่วนของผู้ถือหุ้น มีจำนวน 34,403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
จากสิ้นปี 2548 จำนวน 2,288 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัยหลักคือ บผฟ. มีกำไรจากผลการ
ดำเนินงาน
จากการวิเคราะห์โครงสร้างของเงินทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 สรุปได้ดังนี้
ส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 34,403 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51.52
หนี้สิน จำนวน 32,377 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 48.48
สามารถคำนวณหา อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ ได้ดังนี้
- อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.94 เท่า สูงกว่า สิ้นปี 2548
ซึ่งเท่ากับ 0.91 เท่า
- มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์สุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 63.13 บาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี
2548 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 58.96 บาท
5. รายงานและวิเคราะห์กระแสเงินสด
งบกระแสเงินสดแสดงกระแสเงินสดที่เปลี่ยนแปลงจากกิจกรรมดำเนินงาน กิจกรรม
ลงทุน และกิจกรรมจัดหาเงิน ณ สิ้นงวดบัญชี และแสดงเงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือ
สิ้นงวด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 เงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือ เป็นเงินจำนวน
9,211 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2548 จำนวน 391 ล้านบาท ซึ่งมีรายละเอียดของ
แหล่งที่มาและแหล่งที่ใช้ไปของเงินดังต่อไปนี้
- เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน จำนวน 92 ล้านบาท ส่วนใหญ่
มาจากเงินสดที่ได้จากการดำเนินงาน 2,327 ล้านบาท ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงเงินทุน
หมุนเวียนลดลง 2,236 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิที่ใช้ไปสำหรับกิจกรรมลงทุน จำนวน 4,023 ล้านบาทโดย
มีเงินลงทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าของ จีอีซี จำนวน 3,626 ล้านบาท เอ็นทีพีซี จำนวน
320 ล้านบาท และเอพีบีพี จำนวน 52 ล้านบาท ในขณะที่ได้รับเงินปันผลจากอีสท์ วอเตอร์
กองทุนเปิดเคทีเอสเอฟ และกองทุนเปิดอื่นๆ จำนวน 31 ล้านบาท 65 ล้านบาท และ 5
ล้านบาทตามลำดับ
- เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมจัดหาเงิน จำนวน 4,333 ล้านบาท เนื่องจาก
การเบิกเงินกู้เพิ่มของ จีอีซี จำนวน 4,439 ล้านบาท เอ็นทีพีซี จำนวน 254 ล้านบาท และ
เอพีบีพี จำนวน 38 ล้านบาท ในขณะที่มีการชำระคืนเงินกู้ ของ ทีแอลพี โคเจน ร้อยเอ็ด กรีน
เอพีบีพี และจีอีซี จำนวน 412 ล้านบาท