EN | TH
13 สิงหาคม 2551

บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร งวดครึ่งปีแรก ปี 2551

รวมต้นทุนขาย-ไอพีพี 1,671 1,677 (0.3%) * ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 450 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 69 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 18 สาเหตุหลักจากภาษีเงินได้ของ บฟร. เพิ่มขึ้น จำนวน 94 ล้านบาท หรือร้อยละ 90 เนื่องจากการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการ ลงทุนผลิตไฟฟ้าในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติ ได้สิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2551 ในขณะที่ภาษี เงินได้ของ บฟข. ลดลง จำนวน 42 ล้านบาท หรือร้อยละ 26 เนื่องจากรายได้ที่ลดลง ปัจจุบัน บฟข. ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการลงทุนผลิตไฟฟ้าในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติ เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งจะสิ้นสุด ในวันที่ 25 กันยายน 2552 * ดอกเบี้ยจ่าย จำนวนรวมทั้งสิ้น 196 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 จำนวน 96 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 33 เนื่องจาก บฟข. มีจำนวนเงินต้นของเงินกู้และหุ้นกู้ลดลง * ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า คือ บีแอลซีพี และ จีพีจี จำนวน 2,545 ล้านบาท ลดลง 402 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 14 โดยส่วนใหญ่เกิดจากส่วนแบ่งผลกำไรจาก บีแอลซีพี จำนวน 1,894 ล้านบาท (รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 76 ล้านบาทแล้ว) ลดลงจำนวน 631 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 25 จากรายได้ค่าไฟที่ลดลงซึ่งเป็นไปตามสูตรอัตราค่าไฟที่กำหนดไว้ อีกทั้งมีต้นทุนขายเพิ่มขึ้นจาก การซ่อมบำรุง และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง ในขณะที่ส่วนแบ่งผลกำไรจาก จีพีจี จำนวน 651 ล้านบาท (รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 88 ล้านบาทแล้ว) เพิ่มขึ้นจำนวน 228 ล้านบาท หรือร้อยละ 54 จากรายได้ค่าไฟฟ้าของโครงการแก่งคอย 2 โรงที่ 1 และ 2 ที่ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ เมื่อเดือน พฤษภาคม 2550 และ กุมภาพันธ์ 2551 ตามลำดับ 3) กลุ่มธุรกิจเอสพีพี ประกอบด้วย 5 บริษัท คือ จีอีซี (ไม่รวม จีพีจี) เออีพี เอพีบีพี เอ็กโก โคเจน และ ร้อยเอ็ด กรีน ในครึ่งปีแรก ปี 2551 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,099 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลา เดียวกันปี 2550 จำนวน 12 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 1 ค่าใช้จ่ายรวม จำนวน 915 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 จำนวน 31 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 4 และส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสีย ในกิจการร่วมค้า จำนวน 236 ล้านบาท (รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 24 ล้านบาทแล้ว) ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 202 ล้านบาท หรือร้อยละ 46 โดยมีรายละเอียดดังนี้ รายได้ ค่าใช้จ่าย และส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้าของกลุ่มธุรกิจเอสพีพี: หน่วย : ล้านบาท เอ็กโก โคเจน ร้อยเอ็ด กรีน จีอีซี (ไม่รวม จีพีจี) 1H51 1H50 1H51 1H50 1H51 1H50 รายได้รวม 960 977 139 110 - - ค่าใช้จ่ายรวม 848 818 68 66 - - กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน)จากกิจการร่วมค้า 112 159 72 44 - - ส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า - - - - 189 386 กำไรสุทธิก่อน Fx ของ บริษัทย่อย และ MI 112 159 72 44 189 386 เอพีบีพี และ เออีพี รวม 1H51 1H50 1H51 1H50 %เปลี่ยนแปลง รายได้รวม - - 1,099 1,087 1% ค่าใช้จ่ายรวม - - 915 884 4% กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน)จากกิจการร่วมค้า - - 184 203 (9%) ส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า 47 52 236 438 (46%) กำไรสุทธิก่อน Fx ของ บริษัทย่อย และ MI 47 52 420 641 (35%) * รายได้ค่าไฟฟ้าของกลุ่มธุรกิจเอสพีพี เป็นจำนวนรวม 1,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลา เดียวกันปี 2550 จำนวน 21 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 2 ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของ ร้อยเอ็ด กรีน จำนวน 34 ล้านบาท เนื่องจากค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Charge) ที่เพิ่มขึ้นจาก ราคาน้ำมันเตาที่สูงขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับสูตรค่าไฟ ในขณะที่ เอ็กโก โคเจน มีรายได้ค่าไฟฟ้าลดลงจำนวน 14 ล้านบาท จากรายได้ค่าไฟฟ้าจาก กฟผ. ที่ลดลงจากการหยุดซ่อมตามแผน และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น รายได้ค่าไฟฟ้ากลุ่มธุรกิจเอสพีพี: หน่วย : ล้านบาท 1H51 1H50 %เปลี่ยนแปลง เอ็กโก โคเจน 953 967 (1.4%) ร้อยเอ็ด กรีน 137 102 33% รวมรายได้ค่าไฟฟ้า-เอสพีพี 1,090 1,070 2% * รายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ จำนวน 9 ล้านบาท ลดลง 9 ล้านบาท หรือร้อยละ 49 สาเหตุหลักเกิดจากเงินช่วยเหลือค่า Guarantee fee ที่ ร้อยเอ็ด กรีน ได้รับจาก UNDP เป็นเวลา 4 ปี ได้สิ้นสุดในปี 2550 อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้ดอกเบี้ยรับของ ร้อยเอ็ด กรีน และ เอ็กโก โคเจน ลดลงเช่นกัน * ต้นทุนขาย จำนวน 858 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 จำนวน 29 ล้านบาท หรือร้อยละ 3 สาเหตุหลักจากต้นทุนขายของ เอ็กโก โคเจน เพิ่มขึ้น 27 ล้านบาท จากการซ่อมบำรุงตามแผน ต้นทุนขายกลุ่มธุรกิจเอสพีพี: หน่วย : ล้านบาท 1H51 1H50 %เปลี่ยนแปลง เอ็กโก โคเจน 797 770 4% ร้อยเอ็ด กรีน 61 59 3% รวมต้นทุนขาย-เอสพีพี 858 829 3% * ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกัน ของปีก่อนจำนวน 8 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 105 สาเหตุหลักเกิดจากการจ่ายค่าปรับให้แก่ กฟผ. จำนวน 8 ล้านบาท จากการที่เอ็กโก โคเจนไม่สามารถขายไอน้ำให้แก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม ได้ครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า * ดอกเบี้ยจ่าย จำนวน 41 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550จำนวน 6 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 13 สาเหตุหลักเกิดจากจำนวนเงินต้นที่ลดลงของ เอ็กโก โคเจน * ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า คือ จีอีซี (ไม่รวม จีพีจี) เอพีบีพี และ เออีพี จำนวนรวม 236 ล้านบาท ลดลง 202 ล้านบาท หรือร้อยละ 46 เมื่อเปรียบเทียบกับ ช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 โดยส่วนใหญ่เป็นส่วนแบ่งกำไรจาก จีอีซี จำนวน 189 ล้านบาท (รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 18 ล้านบาทแล้ว) ลดลง 197 ล้านบาท หรือร้อยละ 51 สาเหตุหลักเนื่องจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง นอกจากนี้ยังมีส่วนแบ่งผลกำไรจาก เอพีบีพีและเออีพี จำนวน 47 ล้านบาท (รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 6 ล้านบาทแล้ว) ซึ่งเป็นส่วนแบ่งกำไร จากผลการดำเนินงานจนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 เนื่องจากการขาย บรพ. ซึ่งทำให้ส่วนแบ่งกำไรลดลง 5 ล้านบาท หรือร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วง เวลาเดียวกันปี 2550 4) กลุ่มธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าต่างประเทศ ประกอบด้วย โคแนล และ เอ็นทีพีซี มีส่วนแบ่งผลขาดทุน จากส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จำนวน 64 ล้านบาท โดยขาดทุนลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 82 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นส่วนแบ่งผลขาดทุนจาก เอ็นทีพีซี จำนวน 110 ล้านบาท (รวมขาดทุน จากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 75 ล้านบาทแล้ว) ขาดทุนลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 70 ล้านบาท หรือร้อยละ 39 สาเหตุหลักมาจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง จำนวน 85 ล้านบาท ในขณะที่ส่วนแบ่งผลกำไรจาก โคแนล จำนวน 46 ล้านบาท (รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 32 ล้านบาทแล้ว) เพิ่มขึ้น 12 ล้านบาท หรือร้อยละ 34 จากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น 5) กลุ่มธุรกิจอื่นๆ ประกอบด้วย 2 บริษัทย่อยคือ เอสโก และ เอ็กคอมธารา และกิจการร่วมค้า 1 แห่ง คือ อเมสโก มีรายได้รวมทั้งสิ้น 570 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 จำนวน 164 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 40 ค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 387 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของ ปีก่อน จำนวน 109 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 39 และส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จำนวน 4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.68 ล้านบาท หรือร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ รายได้ ค่าใช้จ่าย และส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้าของกลุ่มธุรกิจอื่นๆ: หน่วย : ล้านบาท เอสโก เอ็กคอมธารา รวม 1H51 1H50 1H51 1H50 1H51 1H50 %เปลี่ยนแปลง รายได้รวม 451 292 119 114 570 407 40% ค่าใช้จ่ายรวม 352 24 134 37 387 278 39% ก่อนส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า 98 51 85 77 183 129 42% ส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า 4 3 - - 4 3 23% กำไรสุทธิก่อน Fx ของ บริษัทย่อย และ MI 102 55 85 77 187 132 42% * รายได้ค่าบริการ ของเอสโก จำนวน 432 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 จำนวน 147 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 51 สาเหตุหลักจากรายได้การให้บริการบำรุงรักษาและรายได้จากการขายอุปกรณ์ เครื่องจักรในการผลิตไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น * รายได้ค่าน้ำ ของเอ็กคอมธารา จำนวน 114 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 จำนวน 5 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 5 เนื่องจากปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำ (Minimum Take) และอัตราค่าน้ำที่เพิ่มขึ้น ตามสัญญาระยะยาวกับการประปาส่วนภูมิภาค * รายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ จำนวน 24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12 ล้านบาทหรือ คิดเป็นร้อยละ 93 โดยส่วนใหญ่จากกำไรจากการขาย อเมสโก จำนวน 15 ล้านบาท * ต้นทุนบริการ จำนวน 282 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 จำนวน 80 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 40 เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการให้บริการบำรุงรักษา ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น * ต้นทุนขายน้ำประปา จำนวน 33 ล้านบาท เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน * ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 29 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 70 สาเหตุหลักจากภาษีของเอสโก ที่เพิ่มขึ้น 30 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น * ส่วนแบ่งกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ของเอสโก อันได้แก่ อเมสโก จำนวน 4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.68 ล้านบาท หรือร้อยละ 23 4. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน 4.1 การวิเคราะห์สินทรัพย์ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 เอ็กโก บริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า มีสินทรัพย์รวมจำนวน 54,671 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,071 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2550 โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้ 1) เงินสด เงินฝากสถาบันการเงิน เงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด ทั้งระยะสั้นและระยะยาว จำนวน 7,022 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 1,529 ล้านบาท หรือร้อยละ 28 สาเหตุหลักจาก เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น 1,575 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากเงินสดรับจาก การดำเนินงาน 2,794 ล้านบาท เงินปันผลรับจากกิจการร่วมค้า 1,101 ล้านบาท เงินรับจากการขาย บรพ. และ อเมสโก จำนวนรวมทั้งสิ้น 815 ล้านบาท และเงินปันผลรับจากอีสท์ วอเตอร์ จำนวน 78 ล้านบาท ในขณะที่มีการลงทุนในกิจการร่วมค้า จำนวน 366 ล้านบาท มีการชำระคืนเงินกู้และหุ้นกู้จำนวนรวม ทั้งสิ้น 1,424 ล้านบาท และการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 1,360 ล้านบาท 2) เงินลงทุนระยะสั้นและระยะยาวที่ใช้เป็นหลักประกัน จำนวน 535 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1 ของสินทรัพย์รวม ลดลง 380 ล้านบาท หรือร้อยละ 42 สาเหตุหลักจากการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบกำหนด ชำระคืนของ บฟข.และ เอ็กโก โคเจน 3) เงินลงทุนในบริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 ส่วนได้เสียในกิจการ ร่วมค้า ซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสียตามงบการเงินรวม มีมูลค่าตามบัญชี เท่ากับ 19,662 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 36 ของสินทรัพย์รวม ลดลง 571 ล้านบาท หรือร้อยละ 3 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญได้แก่ 3.1) มีการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย จำนวน 2,830 ล้านบาท 3.2) มีการลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 10 ล้านบาท 3.3) ได้รับเงินปันผลจาก บีแอลซีพี จีอีซี และ โคแนล จำนวน 2,476 ล้านบาท 3.4) มีการขายเงินลงทุนในหุ้นทุนของ บรพ. และ อเมสโก จำนวน 835 ล้านบาท 3.5) ขาดทุนจากการแปลงค่างบการเงินของบริษัทที่อยู่ในต่างประเทศ จำนวน 100 ล้านบาท สำหรับเงินลงทุนในบริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ซึ่งบันทึกโดยใช้ราคาทุนเดิมเป็นราคา เริ่มต้น ตามงบการเงินเฉพาะบริษัท มีมูลค่าตามบัญชี ณ 30 มิถุนายน 2551 เท่ากับ 29,671 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจาก เอ็กโก มีการลงทุนเพิ่มในกิจการร่วมค้า ซึ่งได้แก่ เอ็นทีพีซี และบริษัท พัฒนาพลังงานทดแทนและสิ่งแวดล้อม จำกัด จำนวน 356 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่มีการขายหุ้น บรพ. จำนวน 348 ล้านบาท 4) ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (สุทธิ) จำนวน 17,792 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 33 ของสินทรัพย์รวม ลดลงสุทธิทั้งสิ้น 846 ล้านบาท หรือร้อยละ 5 สินทรัพย์ที่ลดลงส่วนใหญ่มาจาก การตัดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ เอ็กโก และบริษัทย่อยอื่นๆ จำนวน 1,073 ล้านบาท และการโอนวัสดุสำรองหลักที่ไม่ใช้งานออกไปยังวัสดุ สำรองคลังของ บฟร. บฟข. และเอ็กโก โคเจน จำนวน 219 ล้านบาท ในขณะที่มีการบันทึกวัสดุสำรองหลัก เป็นสินทรัพย์เนื่องจากการซ่อมบำรุงรักษาของ บฟร. บฟข. และเอ็กโก โคเจน จำนวน 381 ล้านบาท และ ซื้อสุทธิของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 65 ล้านบาท 5) สินทรัพย์อื่นๆ จำนวน 9,661 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 1,339 บาท หรือร้อยละ 16 สาเหตุหลักเนื่องจากเงินปันผลค้างรับจากกิจการร่วมค้าที่เพิ่มขึ้น จำนวน 1,376 ล้านบาท และรายได้ค้างรับของเอสโกที่เพิ่มขึ้น 75 ล้านบาท ในขณะที่วัสดุสำรองคลังลดลง จำนวน 124 ล้านบาท 4.2 การวิเคราะห์หนี้สิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 บริษัทมีหนี้สินรวม จำนวน 9,926 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2550 จำนวน 1,679 ล้านบาท หรือร้อยละ 14 ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1) เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ จำนวน 8,157 ล้านบาท หรือร้อยละ 82 ของหนี้สินรวม ลดลง 1,080 ล้านบาท หรือร้อยละ 12 สาเหตุหลักเกิดจากการชำระหนี้เงินกู้และหุ้นกู้ของ บฟข. เอ็กโก โคเจน และร้อยเอ็ด กรีน โดยมี รายละเอียดเป็นเงินตราสกุลต่างๆ ดังนี้ - เงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ - เงินกู้สกุลเยน จำนวน 823 ล้านเยน - เงินกู้สกุลบาท จำนวน 4,677 ล้านบาท - หุ้นกู้สกุลบาท จำนวน 2,602 ล้านบาท กำหนดชำระคืนเงินกู้ระยะยาวและหุ้นกู้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 หน่วย : ล้านบาท กำหนดชำระคืน เอ็กโก บฟข. เอ็กโก โคเจน ร้อยเอ็ด กรีน ภายใน 1 ปี - 772 154 32 -5 ปี - 1,830 1,016 128 เกินกว่า 5 ปี 4,000 - 126 99 รวม 4,000 2,602 1,296 259 ทั้งนี้เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ค้ำประกันโดยการจำนองที่ดิน อาคาร โรงไฟฟ้าและเครื่องจักร และได้กัน เงินสำรองเพื่อการชำระคืนเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยที่จะครบกำหนดชำระคืนภายใน 1 ปี และเพื่อลดความเสี่ยงจาก อัตราแลกเปลี่ยน ณ 30 มิถุนายน 2551 มีจำนวนรวม 253 ล้านบาท 2) หนี้สินอื่นๆ จำนวน 1,769 ล้านบาท หรือร้อยละ 18 ของหนี้สินรวม ลดลง 599 ล้านบาท หรือร้อยละ 25 สาเหตุหลักเนื่องจาก หนี้สินสุทธิในกิจการร่วมค้าลดลง 258 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มทุนและรับรู้ส่วนแบ่ง ขาดทุนจากเอ็นทีพีซี จำนวน 356 ล้านบาท และ 110 ล้านบาทตามลำดับ และเจ้าหนี้การค้าลดลง 278 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเอ็กโก โคเจน และ บฟข. 4.3 การวิเคราะห์ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 ส่วนของผู้ถือหุ้น มีจำนวน 44,746 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550 จำนวน 2,750 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7 เนื่องจากปัจจัยหลักคือ กำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานตามงบการเงินรวม จำนวน 4,257 ล้านบาท ในขณะที่มีการจัดสรรเงินปันผล จำนวน 1,376 ล้านบาท จากการวิเคราะห์โครงสร้างของเงินทุน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 สรุปได้ดังนี้ ส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 44,746 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 81.84 หนี้สิน จำนวน 9,926 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18.16 สามารถคำนวณหา อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ ได้ดังนี้ - อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.22 เท่า ต่ำกว่าสิ้นปี 2550 ซึ่งเท่ากับ 0.28 เท่า - มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์สุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 84.03 บาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 78.78 บาท 5. รายงานการวิเคราะห์กระแสเงินสด งบกระแสเงินสดแสดงกระแสเงินสดที่เปลี่ยนแปลงจากกิจกรรมดำเนินงาน กิจกรรมลงทุน และกิจกรรม จัดหาเงิน ณ สิ้นงวดบัญชี และแสดงเงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือสิ้นงวด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 เงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือ มีจำนวน 5,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550 ทั้งสิ้น 1,575 ล้านบาท ซึ่งมีรายละเอียดของแหล่งที่มาและแหล่งที่ใช้ไปของเงินดังต่อไปนี้ - เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน จำนวน 2,794 ล้านบาท มาจากเงินสดที่ได้มาจากการดำเนินงาน 3,260 ล้านบาท และเงินสดใช้ไปสำหรับเงินทุนหมุนเวียน 466 ล้านบาท - เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมลงทุน จำนวน 1,565 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการได้รับเงินปันผลจาก กิจการร่วมค้า 1,101 ล้านบาท เงินรับจากการขาย บรพ. และ อเมสโก จำนวนรวมทั้งสิ้น 815 ล้านบาท และเงินปันผลรับจากอีสท์ วอเตอร์ จำนวน 78 ล้านบาท ในขณะที่มีการลงทุนในกิจการร่วมค้า จำนวน 366 ล้านบาท - เงินสดสุทธิที่ใช้ไปสำหรับกิจกรรมจัดหาเงิน จำนวน 2,785 ล้านบาท เกิดจากการชำระคืนเงินต้นและ ดอกเบี้ยของหุ้นกู้และเงินกู้ของ เอ็กโก บฟข. เอ็กโก โคเจน และ ร้อยเอ็ด กรีน รวมทั้งสิ้น 1,424 ล้านบาท และการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 1,360 ล้านบาท ในงวด 6 เดือน ปี 2551 เอ็กโก มีอัตราส่วนสภาพคล่อง (Liquidity Ratio) ที่สำคัญ ดังนี้ - อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) อยู่ที่ 7.49 เท่า เทียบกับปี 2550 ซึ่งเท่ากับ 4.22 เท่า - อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (Quick Ratio) อยู่ที่ 3.94 เท่า เทียบกับปี 2550 ซึ่งเท่ากับ 2.26 เท่า สาเหตุที่อัตราส่วนทั้งสองของปี 2551 สูงกว่าปี 2550 เป็นผลมาจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มาจากการได้รับเงินปันผลจากกิจการร่วมค้า และการขาย บรพ. และ อเมสโก และการเพิ่มขึ้นเงินปันผล ค้างรับจากกิจการร่วมค้า