12 พฤศจิกายน 2551
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ไตรมาส 3 2551
9M51 9M50 %เปลี่ยนแปลง
บฟร. 1,404 1,356 4%
บฟข. 1,135 1,220 (7%)
รวมต้นทุนขาย-ไอพีพี 2,539 2,576 (1%)
* ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 674 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกัน
ของปีก่อน จำนวน 80 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 14 สาเหตุหลักจากภาษีเงินได้ของ บฟร. เพิ่มขึ้น
จำนวน 145 ล้านบาท หรือร้อยละ 91 เนื่องจากการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไร
สุทธิที่ได้รับจากการลงทุนผลิตไฟฟ้าในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติ ได้สิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 19
เมษายน 2551 ในขณะที่ภาษีเงินได้ของ บฟข. ลดลง จำนวน 93 ล้านบาท หรือร้อยละ 35
เนื่องจากรายได้ที่ลดลง ปัจจุบัน บฟข. ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิ
ที่ได้รับจากการลงทุนผลิตไฟฟ้าในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติ เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งจะสิ้นสุด
ในวันที่ 25 กันยายน 2552
* ดอกเบี้ยจ่าย จำนวนรวมทั้งสิ้น 272 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550
จำนวน 146 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 35 เนื่องจาก บฟข. มีจำนวนเงินต้นของเงินกู้และหุ้นกู้ลดลง
* ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า คือ บีแอลซีพี และ จีพีจี จำนวน 3,856
ล้านบาท ลดลง 357 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 8 โดยส่วนใหญ่เกิดจากส่วนแบ่งผลกำไรจาก บีแอลซีพี
จำนวน 2,790 ล้านบาท (รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 25 ล้านบาทแล้ว) ลดลงจำนวน
842 ล้านบาท หรือร้อยละ 23 จากรายได้ค่าไฟที่ลดลงซึ่งเป็นไปตามสูตรอัตราค่าไฟที่กำหนดไว้
อีกทั้งมีต้นทุนขายเพิ่มขึ้นจากการซ่อมบำรุง และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง ในขณะที่
ส่วนแบ่งผลกำไรจาก จีพีจี จำนวน 1,066 ล้านบาท (รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน
161 ล้านบาทแล้ว) เพิ่มขึ้นจำนวน 486 ล้านบาท หรือร้อยละ 84 จากรายได้ค่าไฟฟ้าของ
โครงการแก่งคอย 2 โรงที่ 1 และ 2 ที่ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อเดือน พฤษภาคม 2550
และ กุมภาพันธ์ 2551 ตามลำดับ
3) กลุ่มธุรกิจเอสพีพี ประกอบด้วย 5 บริษัท คือ จีอีซี (ไม่รวม จีพีจี) เออีพี เอพีบีพี เอ็กโก
โคเจน และ ร้อยเอ็ด กรีน ใน 9 เดือนแรก ปี 2551 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,670 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
จากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 จำนวน 47 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 3 ค่าใช้จ่ายรวม จำนวน 1,422
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 จำนวน 91 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 7 และส่วนแบ่ง
ผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จำนวน 285 ล้านบาท (รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
จำนวน 6 ล้านบาทแล้ว) ลดลงจำนวน 256 ล้านบาท หรือร้อยละ 47 เมื่อเทียบกับช่วงเวลา
เดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีส่วนแบ่งผลกำไรจำนวน 541 ล้านบาท (รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
จำนวน 293 ล้านบาทแล้ว) โดยมีรายละเอียดดังนี้
รายได้ ค่าใช้จ่าย และส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน)
จากกิจการร่วมค้าของกลุ่มธุรกิจเอสพีพี: หน่วย : ล้านบาท
เอ็กโก โคเจน ร้อยเอ็ด กรีน จีอีซี
(ไม่รวม จีพีจี)
9M51 9M50 9M51 9M50 9M51 9M50
รายได้รวม 1,456 1,449 215 174 - -
ค่าใช้จ่ายรวม 1,309 1,228 113 103 - -
กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน)
จากกิจการร่วมค้า 147 221 101 71 - -
ส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน)
จากกิจการร่วมค้า - - - - 238 453
กำไรสุทธิก่อน Fx ของบริษัทย่อย
และ MI 147 221 101 71 238 453
เอพีบีพี และ เออีพี รวม
9M51 9M50 9M51 9M50 %เปลี่ยนแปลง
รายได้รวม - - 1,670 1,623 3%
ค่าใช้จ่ายรวม - - 1,422 1,331 7%
กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน)
จากกิจการร่วมค้า - - 248 292 (15%)
ส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน)
จากกิจการร่วมค้า 47 88 285 541 (47%)
กำไรสุทธิก่อน Fx ของบริษัทย่อย
และ MI 47 88 533 833 (36%)
* รายได้ค่าไฟฟ้าของกลุ่มธุรกิจเอสพีพี เป็นจำนวนรวม 1,657 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
ช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 จำนวน 62 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 4 ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าไฟฟ้า
ที่เพิ่มขึ้นของ ร้อยเอ็ด กรีน จำนวน 51 ล้านบาท เนื่องจากค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Charge)
ที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันเตาที่สูงขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับสูตรค่าไฟ และ เอ็กโก โคเจน มีรายได้ค่าไฟฟ้า
เพิ่มขึ้นจำนวน 12 ล้านบาท จากการขายไอน้ำเพิ่มขึ้น
รายได้ค่าไฟฟ้ากลุ่มธุรกิจเอสพีพี: หน่วย : ล้านบาท
9M51 9M50 %เปลี่ยนแปลง
เอ็กโก โคเจน 1,446 1,435 1%
ร้อยเอ็ด กรีน 210 160 32%
รวมรายได้ค่าไฟฟ้า-เอสพีพี 1,657 1,594 4%
* รายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ จำนวน 14 ล้านบาท ลดลง 15 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 52 สาเหตุหลักเกิดจากเงินช่วยเหลือค่า Guarantee fee ที่ ร้อยเอ็ด กรีน ได้รับจาก
UNDP เป็นเวลา 4 ปี ได้สิ้นสุดในปี 2550 ทำให้รายได้อื่นๆลดลง 9 ล้านบาท อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยที่
ลดลง ทำให้ดอกเบี้ยรับของ ร้อยเอ็ด กรีน และ เอ็กโก โคเจน ลดลง 6 ล้านบาท
* ต้นทุนขาย จำนวน 1,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 จำนวน 98
ล้านบาท หรือร้อยละ 8 สาเหตุหลักจากต้นทุนขายของ เอ็กโก โคเจน เพิ่มขึ้น 88 ล้านบาท เนื่องจาก
ค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงตามแผน และต้นทุนขายของ ร้อยเอ็ด กรีน
เพิ่มขึ้น 10 ล้านบาท สาเหตุหลักจากค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น
ต้นทุนขายกลุ่มธุรกิจเอสพีพี: หน่วย : ล้านบาท
9M51 9M50 %เปลี่ยนแปลง
เอ็กโก โคเจน 1,231 1,143 8%
ร้อยเอ็ด กรีน 103 93 11%
รวมต้นทุนขาย-เอสพีพี 1,334 1,236 8%
* ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของ
ปีก่อนจำนวน 1 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 4 สาเหตุหลักเกิดจากการจ่ายค่าปรับให้แก่ กฟผ. จำนวน 13
ล้านบาท จากการที่เอ็กโก โคเจนไม่สามารถขายไอน้ำให้แก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมได้ครบตาม
จำนวนที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ในขณะที่ภาษีลดลง 12 ล้านบาท เนื่องจากในปีก่อนหน้า
นี้คือปี 2550 มีการจ่ายภาษีเงินได้จากการชำระบัญชีของบริษัท ไทยแอลเอ็นจี เพาเวอร์ จำกัด
(ทีแอลพีซี)
* ดอกเบี้ยจ่าย จำนวน 62 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 จำนวน 8 ล้านบาท
หรือ ร้อยละ 11 สาเหตุหลักเกิดจากจำนวนเงินต้นที่ลดลงของ เอ็กโก โคเจน
* ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า คือ จีอีซี (ไม่รวม จีพีจี) เอพีบีพี และ เออีพี
จำนวนรวม 285 ล้านบาท ลดลง 256 ล้านบาท หรือร้อยละ 47 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน
ปี 2550 โดยส่วนใหญ่เป็นส่วนแบ่งกำไรจาก จีอีซี (ไม่รวม จีพีจี) จำนวน 238 ล้านบาท
(รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 12 ล้านบาทแล้ว) ลดลง 215 ล้านบาท หรือร้อยละ
47 สาเหตุหลักเนื่องจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง
นอกจากนี้ยังมีส่วนแบ่งผลกำไรจาก เอพีบีพีและเออีพี จำนวน 47 ล้านบาท (รวมกำไร
จากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 6 ล้านบาทแล้ว) ซึ่งเป็นส่วนแบ่งกำไรจากผลการดำเนินงานจนถึง
วันที่ 15 พฤษภาคม 2551 ก่อนการขาย บรพ. ซึ่งทำให้ส่วนแบ่งกำไรลดลง 41 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 47 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2550
4) กลุ่มธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าต่างประเทศ ประกอบด้วย โคแนล และ เอ็นทีพีซี มีส่วนแบ่ง
ผลขาดทุนจากส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จำนวน 31 ล้านบาท โดยขาดทุนลดลงจากช่วงเวลา
เดียวกันของปีก่อน จำนวน 178 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นส่วนแบ่งผลขาดทุนจาก เอ็นทีพีซี จำนวน
98 ล้านบาท (รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 42 ล้านบาทแล้ว) ขาดทุนลดลงจากช่วงเวลา
เดียวกันของปีก่อน จำนวน 146 ล้านบาท หรือร้อยละ 60 สาเหตุหลักมาจากผลขาดทุนจาก
อัตราแลกเปลี่ยนลดลง จำนวน 169 ล้านบาท ในขณะที่ส่วนแบ่งผลกำไรจาก โคแนล จำนวน
67 ล้านบาท (รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 39 ล้านบาทแล้ว) เพิ่มขึ้น 33 ล้านบาท
หรือร้อยละ 95 จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการชำระคืนเงินกู้ระยะยาวก่อนกำหนด และกำไร
อัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น
5) กลุ่มธุรกิจอื่นๆ ประกอบด้วย 2 บริษัทย่อยคือ เอสโก และ เอ็กคอมธารา และ
กิจการร่วมค้า 1 แห่ง คือ อเมสโก มีรายได้รวมทั้งสิ้น 861 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกัน
ปี 2550 จำนวน 123 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 17 ค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 606 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 82 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 16 และส่วนแบ่งผลกำไรใน
ส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้าจำนวน 4 ล้านบาท ลดลง 1 ล้านบาท หรือร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับ
ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
รายได้ ค่าใช้จ่าย และส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้าของกลุ่มธุรกิจอื่นๆ:
หน่วย : ล้านบาท
เอสโก เอ็กคอมธารา รวม
9M51 9M50 9M51 9M50 9M51 9M50 %เปลี่ยนแปลง
รายได้รวม 683 564 178 175 861 739 17%
ค่าใช้จ่ายรวม 553 467 54 58 606 524 16%
กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน)
จากกิจการร่วมค้า 130 97 124 118 255 215 19%
ส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน)
จากกิจการร่วมค้า 4 5 - - 4 5 (26%)
กำไรสุทธิก่อน Fx ของบริษัทย่อย
และ MI 134 102 124 118 259 219 18%
* รายได้ค่าบริการ ของเอสโก จำนวน 660 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550
จำนวน 107 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 19 สาเหตุหลักจากรายได้การให้บริการบำรุงรักษาและรายได้
จากการขายอุปกรณ์เครื่องจักรในการผลิตไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น
* รายได้ค่าน้ำ ของเอ็กคอมธารา จำนวน 172 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550
จำนวน 4 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 2 เนื่องจากปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำ (Minimum Take) และอัตรา
ค่าน้ำที่เพิ่มขึ้นตามสัญญาระยะยาวกับการประปาส่วนภูมิภาค
* รายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ จำนวน 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11 ล้านบาท
หรือร้อยละ 63 โดยส่วนใหญ่จากกำไรจากการขาย อเมสโก จำนวน 15 ล้านบาท
* ต้นทุนบริการ จำนวน 459 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 จำนวน 58
ล้านบาท หรือร้อยละ 14 เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการให้บริการบำรุงรักษา ซึ่งสอดคล้อง
กับรายได้ที่เพิ่มขึ้น
* ต้นทุนขายน้ำประปา จำนวน 50 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน
1 ล้านบาท หรือร้อยละ 2
* ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของ
ปีก่อน จำนวน 25 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 35 สาเหตุหลักจากภาษีของ เอสโก ที่เพิ่มขึ้น 25 ล้านบาท
เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น
* ส่วนแบ่งกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ของเอสโก อันได้แก่ อเมสโก จำนวน 4
ล้านบาท ลดลง 1.27 ล้านบาท หรือร้อยละ 26
4. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน
4.1 การวิเคราะห์สินทรัพย์
ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 เอ็กโก บริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า มีสินทรัพย์รวม
จำนวน 55,047 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,446 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2550
โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้
1) เงินสด เงินฝากสถาบันการเงิน เงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด ทั้งระยะสั้น
และระยะยาว จำนวน 6,766 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 12 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 1,274
ล้านบาท หรือร้อยละ 23 สาเหตุหลักจาก เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น 1,510 ล้านบาท
ส่วนใหญ่มาจากเงินสดรับจากการดำเนินงาน 3,496 ล้านบาท เงินปันผลรับจากกิจการร่วมค้า 1,998
ล้านบาท เงินรับจากการขาย บรพ. และ อเมสโก จำนวนรวมทั้งสิ้น 815 ล้านบาท และเงินปันผลรับจาก
อีสท์ วอเตอร์ จำนวน 78 ล้านบาท ในขณะที่มีการลงทุนในกิจการร่วมค้า จำนวน 551 ล้านบาท
มีการชำระคืนเงินกู้และหุ้นกู้จำนวนรวมทั้งสิ้น 1,188 ล้านบาท และการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น
จำนวน 2,707 ล้านบาท
2) เงินลงทุนระยะสั้นและระยะยาวที่ใช้เป็นหลักประกัน จำนวน 1,140 ล้านบาท คิดเป็น
สัดส่วนร้อยละ 2 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 224 ล้านบาท หรือร้อยละ 25 สาเหตุหลักจากการ
สำรองเงินไว้สำหรับการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบกำหนดชำระคืนของ บฟข.และเอ็กโก โคเจน
3) เงินลงทุนในบริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 ส่วนได้
เสียในกิจการร่วมค้า ซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสียตามงบการเงินรวม มีมูลค่าตามบัญชี เท่ากับ 20,184
ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 37 ของสินทรัพย์รวม ลดลง 49 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.24 ซึ่ง
มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญได้แก่
3.1) มีการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย จำนวน 4,212 ล้านบาท
3.2) มีการลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 10 ล้านบาท
3.3) ได้รับเงินปันผลจาก บีแอลซีพี จีอีซี และ โคแนล จำนวน 3,300 ล้านบาท
3.4) มีการขายเงินลงทุนในหุ้นทุนของ บรพ. และ อเมสโก จำนวน 835 ล้านบาท
3.5) ขาดทุนจากการแปลงค่างบการเงินของบริษัทที่อยู่ในต่างประเทศ จำนวน 136 ล้านบาท
สำหรับเงินลงทุนในบริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ซึ่งบันทึกโดยใช้ราคาทุนเดิมเป็น
ราคาเริ่มต้น ตามงบการเงินเฉพาะบริษัท มีมูลค่าตามบัญชี ณ 30 กันยายน 2551 เท่ากับ 29,855
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 202 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจาก เอ็กโก มีการลงทุนเพิ่มในกิจการร่วมค้า ซึ่งได้แก่
เอ็นทีพีซี และบริษัท พัฒนาพลังงานทดแทนและสิ่งแวดล้อม จำกัด จำนวน 541 ล้านบาท และ 10
ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่มีการขายหุ้น บรพ. จำนวน 348 ล้านบาท
4) ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (สุทธิ) จำนวน 17,493 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32 ของ
สินทรัพย์รวม ลดลงสุทธิทั้งสิ้น 1,145 ล้านบาท หรือร้อยละ 6 สินทรัพย์ที่ลดลงส่วนใหญ่มาจาก
การตัดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ เอ็กโก และบริษัทย่อยอื่นๆ จำนวน 1,618 ล้านบาท และ
การโอนวัสดุสำรองหลักที่ไม่ใช้งานออกไปยังวัสดุสำรองคลังของ บฟร. บฟข. และเอ็กโก โคเจน
จำนวน 295 ล้านบาท ในขณะที่มีการบันทึกวัสดุสำรองหลักเป็นสินทรัพย์เนื่องจากการซ่อม
บำรุงรักษาของ บฟร. บฟข. และเอ็กโก โคเจน จำนวน 658 ล้านบาท และซื้อสุทธิของที่ดิน
อาคารและอุปกรณ์ 111 ล้านบาท
5) สินทรัพย์อื่นๆ จำนวน 9,464 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17 ของสินทรัพย์รวม
เพิ่มขึ้น 1,142 ล้านบาท หรือร้อยละ 14 สาเหตุหลักเนื่องจากเงินปันผลค้างรับจากกิจการร่วมค้า
ที่เพิ่มขึ้น จำนวน 1,302 ล้านบาท ในขณะที่วัสดุสำรองคลังลดลง จำนวน 262 ล้านบาท
4.2 การวิเคราะห์หนี้สิน
ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 บริษัทมีหนี้สินรวม จำนวน 9,813 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี
2550 จำนวน 1,792 ล้านบาท หรือร้อยละ 15 ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1) เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ จำนวน 8,081 ล้านบาท หรือร้อยละ 82 ของหนี้สินรวม ลดลง
1,156 ล้านบาท หรือร้อยละ 13 สาเหตุหลักเกิดจากการชำระหนี้เงินกู้และหุ้นกู้ของ บฟข.เอ็กโก
โคเจน และร้อยเอ็ด กรีน โดยมีรายละเอียดเป็นเงินตราสกุลต่างๆ ดังนี้
- เงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เงินกู้สกุลเยน จำนวน 772 ล้านเยน
- เงินกู้สกุลบาท จำนวน 4,636 ล้านบาท
- หุ้นกู้สกุลบาท จำนวน 2,602 ล้านบาท
กำหนดชำระคืนเงินกู้ระยะยาวและหุ้นกู้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 หน่วย : ล้านบาท
กำหนดชำระคืน เอ็กโก บฟข. เอ็กโก โคเจน ร้อยเอ็ด กรีน
ภายใน 1 ปี - 772 155 33
1-5 ปี - 1,830 1,072 134
เกินกว่า 5 ปี 4,000 - - 86
รวม 4,000 2,602 1,227 252
ทั้งนี้เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ค้ำประกันโดยการจำนองที่ดิน อาคาร โรงไฟฟ้า และเครื่องจักร
และได้กันเงินสำรองเพื่อการชำระคืนเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยที่จะครบกำหนดชำระคืนภายใน 1 ปี ณ
วันที่ 30 กันยายน 2551 มีจำนวนรวม 529 ล้านบาท
2) หนี้สินอื่นๆ จำนวน 1,732 ล้านบาท หรือร้อยละ 18 ของหนี้สินรวม ลดลง 635 ล้านบาท
หรือร้อยละ 27 สาเหตุหลักเนื่องจาก หนี้สินสุทธิในกิจการร่วมค้าลดลง 447 ล้านบาท เนื่องจากการ
เพิ่มทุนและรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเอ็นทีพีซี จำนวน 541 ล้านบาท และ 94 ล้านบาทตามลำดับ
และเจ้าหนี้การค้าลดลง 228 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเอ็กโก โคเจน และ บฟข.
4.3 การวิเคราะห์ส่วนของผู้ถือหุ้น
ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 ส่วนของผู้ถือหุ้น มีจำนวน 45,234 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
สิ้นปี 2550 จำนวน 3,238 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8 เนื่องจากปัจจัยหลักคือ กำไรสุทธิจาก
ผลการดำเนินงานตามงบการเงินรวม จำนวน 6,268 ล้านบาท ในขณะที่มีการจัดสรรเงินปันผล
จำนวน 2,603 ล้านบาท
จากการวิเคราะห์โครงสร้างของเงินทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 สรุปได้ดังนี้
ส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 45,234 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 82.17
หนี้สิน จำนวน 9,813 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.83
สามารถคำนวณหา อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ ได้ดังนี้
- อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.22 เท่า ต่ำกว่าสิ้นปี 2550 ซึ่งเท่ากับ 0.28 เท่า
- มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์สุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 84.92 บาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550
ซึ่งอยู่ที่ระดับ 78.78 บาท
5. รายงานการวิเคราะห์กระแสเงินสด
งบกระแสเงินสดแสดงกระแสเงินสดที่เปลี่ยนแปลงจากกิจกรรมดำเนินงาน กิจกรรมลงทุน
และกิจกรรมจัดหาเงิน ณ สิ้นงวดบัญชี และแสดงเงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือสิ้นงวด ณ
วันที่ 30 กันยายน 2551 เงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือ มีจำนวน 5,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
จากสิ้นปี 2550 ทั้งสิ้น 1,510 ล้านบาท ซึ่งมีรายละเอียดของแหล่งที่มาและแหล่งที่ใช้ไปของเงินดังต่อไปนี้
- เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน จำนวน 3,496 ล้านบาท มาจากเงินสดที่ได้
มาจากการดำเนินงาน 4,747 ล้านบาท และเงินสดใช้ไปสำหรับเงินทุนหมุนเวียน 1,250 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมลงทุน จำนวน 2,275 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการได้รับ
เงินปันผลจากกิจการร่วมค้า 1,998 ล้านบาท เงินรับจากการขาย บรพ. และ อเมสโก จำนวนรวมทั้งสิ้น
815 ล้านบาท และเงินปันผลรับจากอีสท์ วอเตอร์ จำนวน 78 ล้านบาท ในขณะที่มีการลงทุนในกิจการ
ร่วมค้า จำนวน 551 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิที่ใช้ไปสำหรับกิจกรรมจัดหาเงิน จำนวน 4,262 ล้านบาท เกิดจากการชำระคืน
เงินต้นและดอกเบี้ยของหุ้นกู้และเงินกู้ของ เอ็กโก บฟข. เอ็กโก โคเจน และ ร้อยเอ็ด กรีน รวมทั้งสิ้น
1,188 ล้านบาท และการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 2,707 ล้านบาท
ในงวด 9 เดือน ปี 2551 เอ็กโก มีอัตราส่วนสภาพคล่อง (Liquidity Ratio) ที่สำคัญ ดังนี้
- อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) อยู่ที่ 7.14 เท่า เทียบกับปี 2550 ซึ่งเท่ากับ 4.22 เท่า
- อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (Quick Ratio) อยู่ที่ 3.93 เท่า เทียบกับปี 2550 ซึ่งเท่ากับ
2.26 เท่า
สาเหตุที่อัตราส่วนทั้งสองของปี 2551 สูงกว่าปี 2550 เป็นผลมาจากเงินสดและรายการเทียบเท่า
เงินสดเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มาจากการได้รับเงินปันผลจากกิจการร่วมค้า และการขาย บรพ. และ อเมสโก
และการเพิ่มขึ้นเงินปันผลค้างรับจากกิจการร่วมค้า