EN | TH
20 กุมภาพันธ์ 2552

บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ปี 2551

บาท หรือร้อยละ 11 สาเหตุหลักจากดอกเบี้ยรับของ บฟข. และ บฟร. ลดลง 42 ล้านบาท และ 8 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ในขณะที่ บฟร. มีรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น จำนวน 41 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากรายได้ค่าบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม * ต้นทุนขาย จำนวน 3,451 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 จำนวน 19 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 0.55 จากต้นทุนขายของ บฟข. ที่เพิ่มขึ้น จำนวน 18 ล้านบาท เนื่องจาก ค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนขายธุรกิจไอพีพี: หน่วย : ล้านบาท 2551 2550 %เปลี่ยนแปลง บฟร. 1,842 1,841 0.07% บฟข. 1,609 1,591 1% รวมต้นทุนขาย-ไอพีพี 3,451 3,433 0.55% * ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 974 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 132 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 16 สาเหตุหลักจากภาษีเงินได้ของ บฟร. เพิ่มขึ้น จำนวน 246 ล้านบาท หรือร้อยละ 114 เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและการลดหย่อนภาษี เงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการลงทุนผลิตไฟฟ้าในอัตราร้อยละ 50 ของ อัตราปกติ ได้สิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2551 ในขณะที่ภาษีเงินได้ของ บฟข. ลดลง จำนวน 167 ล้านบาท หรือร้อยละ 47 เนื่องจากรายได้ที่ลดลง ปัจจุบัน บฟข. ได้รับ ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการลงทุนผลิตไฟฟ้าในอัตรา ร้อยละ 50 ของอัตราปกติ เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งจะสิ้นสุด ในวันที่ 25 กันยายน 2552 * ค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 342 ล้านบาท ลดลงจากปี 2550 จำนวน 197 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 37 เนื่องจาก บฟข. ได้ชำระคืนเงินกู้หมดเมื่อเดือนมิถุนายน 2551 และจำนวนหุ้นกู้ที่ลดลง * ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า คือ บีแอลซีพี และ จีพีจี จำนวน 4,767 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 899 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากรายได้ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของโครงการแก่งคอย 2 โรงที่ 1 และ 2 ที่ได้เริ่มเดินเครื่อง เชิงพาณิชย์เมื่อเดือน พฤษภาคม 2550 และ กุมภาพันธ์ 2551 ตามลำดับ 3) ธุรกิจเอสพีพี มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,234 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 จำนวน 48 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 2 ค่าใช้จ่ายรวม จำนวน 1,961 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 จำนวน 139 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 8 และส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จำนวน 365 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 75 ล้านบาท หรือร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีรายละเอียดดังนี้ รายได้ ค่าใช้จ่าย และส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้าของธุรกิจเอสพีพี:หน่วย : ล้านบาท เอ็กโก โคเจน ร้อยเอ็ด กรีน จีอีซี (ไม่รวม จีพีจี) 2551 2550 2551 2550 2551 2550 รายได้รวม 1,947 1,944 287 242 - - ค่าใช้จ่ายรวม 1,804 1,670 157 153 - - กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน)จากกิจการร่วมค้า 143 274 130 90 - - ส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า - - - - 324 189 กำไรสุทธิก่อน FX และ MI 143 274 130 90 324 189 เอพีบีพี และ เออีพี รวม 2551 2550 2551 2550 %เปลี่ยนแปลง รายได้รวม - - 2,234 2,186 2% ค่าใช้จ่ายรวม - - 1,961 1,822 8% กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน)จากกิจการร่วมค้า - - 273 364 (25%) ส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า 41 101 365 290 26% กำไรสุทธิก่อน FX และ MI 41 101 638 654 (2%) * รายได้ค่าไฟฟ้าของธุรกิจเอสพีพี เป็นจำนวนรวม 2,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 จำนวน 63 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 3 ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของ ร้อยเอ็ด กรีน จำนวน 54 ล้านบาท เนื่องจากค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Charge) ที่ เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันเตาที่สูงขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับสูตรค่าไฟ และ เอ็กโก โคเจน มีรายได้ค่า ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจำนวน 9 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากการขายไอน้ำเพิ่มขึ้นจำนวน 13 ล้านบาท รายได้ค่าไฟฟ้าธุรกิจเอสพีพี: หน่วย : ล้านบาท 2551 2550 %เปลี่ยนแปลง เอ็กโก โคเจน 1,935 1,926 0.48% ร้อยเอ็ด กรีน 281 226 24% รวมรายได้ค่าไฟฟ้า-เอสพีพี 2,216 2,152 3% * รายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ จำนวน 19 ล้านบาท ลดลง 15 ล้านบาท หรือร้อยละ 44 สาเหตุหลักเกิดจากเงินช่วยเหลือค่า Guarantee fee ที่ ร้อยเอ็ด กรีน ได้รับจาก UNDP เป็นเวลา 4 ปี ได้สิ้นสุดในปี 2550 ทำให้รายได้อื่นๆลดลง 9 ล้านบาท อีก ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้ดอกเบี้ยรับของ ร้อยเอ็ด กรีน และ เอ็กโก โคเจน ลดลง 6 ล้านบาท * ต้นทุนขาย จำนวน 1,836 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 จำนวน 159 ล้านบาท หรือร้อยละ 9 สาเหตุหลักจากต้นทุนขายของ เอ็กโก โคเจน และ ร้อยเอ็ด กรีน เพิ่มขึ้น 152 ล้านบาท และ 7 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากค่าเชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ตามแผนที่สูงขึ้น ต้นทุนขายธุรกิจเอสพีพี: หน่วย : ล้านบาท 2551 2550 %เปลี่ยนแปลง เอ็กโก โคเจน 1,698 1,546 10% ร้อยเอ็ด กรีน 138 131 5% รวมต้นทุนขาย-เอสพีพี 1,836 1,677 9% * ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 38 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 11 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 23 สาเหตุหลักเกิดจากภาษีลดลง 16 ล้านบาท เนื่องจากปี 2550 มีการจ่ายภาษีเงินได้จากการชำระบัญชีของบริษัท ไทยแอลเอ็นจี เพาเวอร์ จำกัด (ทีแอลพีซี) * ค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 87 ล้านบาท ลดลงจากปี 2550 จำนวน 9 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 10 สาเหตุหลักเกิดจากจำนวนเงินต้นของหนี้ที่ลดลงของ เอ็กโก โคเจน * ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า คือ จีอีซี (ไม่รวม จีพีจี) เอพีบีพี และ เออีพี จำนวน 365 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 75 ล้านบาท หรือร้อยละ 26 เนื่องจากรายได้ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของ จีอีซี (ไม่รวม จีพีจี) ทั้งนี้ส่วนแบ่งผลกำไรจาก เอพีบีพีและเออีพี เป็นส่วนแบ่งผลกำไรจากผลการ ดำเนินงานจนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 ก่อนการขายหุ้นในโรงไฟฟ้าดังกล่าว 4) ธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าต่างประเทศ มีส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า คือ โคแนล เอ็นทีพีซี และเควซอน จำนวน 21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 20 ล้านบาท หรือร้อยละ 1,517 สาเหตุหลักเกิดจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการชำระคืน เงินกู้ระยะยาวก่อนกำหนดของ โคแนล และได้เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจาก เควซอน 5) ธุรกิจอื่นๆ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,034 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 จำนวน 34 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 3 ค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 717 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 14 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 2 และส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จำนวน 3.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.39 ล้านบาท หรือร้อยละ 61 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมี รายละเอียดดังต่อไปนี้ รายได้ ค่าใช้จ่าย และส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้าของธุรกิจอื่นๆ:หน่วย : ล้านบาท เอสโก เอ็กคอมธารา รวม 2551 2550 2551 2550 2551 2550 %เปลี่ยนแปลง รายได้รวม 796 773 238 228 1,034 1,000 3% ค่าใช้จ่ายรวม 641 631 76 72 717 703 2% กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า 155 142 161 156 317 297 7% ส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า 3.68 2.29 - - 3.68 2.29 61% กำไรสุทธิก่อน FX และ MI 159 144 161 156 320 300 7% * รายได้ค่าบริการ ของเอสโก จำนวน 770 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 จำนวน 10 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 1 สาเหตุหลักจากรายได้การให้บริการบำรุงรักษาและรายได้จาก การขายอุปกรณ์เครื่องจักรในการผลิตไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น * รายได้ค่าน้ำ ของเอ็กคอมธารา จำนวน 229 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 จำนวน 12 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 5 เนื่องจากปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำ (Minimum Take) และอัตราค่าน้ำที่เพิ่มขึ้นตามสัญญาระยะยาวกับการประปาส่วนภูมิภาค * รายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ จำนวน 35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12 ล้านบาท หรือร้อยละ 55 โดยส่วนใหญ่จากกำไรจากการขาย อเมสโก จำนวน 15 ล้านบาท * ต้นทุนบริการ จำนวน 531 ล้านบาท ลดลงจากปี 2550 จำนวน 4 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 1 * ต้นทุนขายน้ำประปา จำนวน 71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 5 ล้านบาท หรือร้อยละ 8 * ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 115 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 15 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 14 สาเหตุหลักจากภาษีของ เอสโก ที่เพิ่มขึ้น 15 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น * ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ของเอสโก อันได้แก่ อเมสโก จำนวน 3.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.39 ล้านบาท หรือร้อยละ 61 4. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน 4.1 การวิเคราะห์สินทรัพย์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 กลุ่มเอ็กโกมีสินทรัพย์รวมจำนวน 58,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,730 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2550 โดยมีรายละเอียดสำคัญ ดังนี้ 1) เงินสด เงินฝากสถาบันการเงิน เงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการ ของตลาด ทั้งระยะสั้นและระยะยาว จำนวน 6,032 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 540 ล้านบาท หรือร้อยละ 10 สาเหตุหลักจาก เงินสดและ รายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น 1,228 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากเงินสดรับจากการ ดำเนินงาน 4,881 ล้านบาท การเบิกเงินกู้ยืมระยะสั้น 3,500 ล้านบาท เงินปันผลรับจาก กิจการร่วมค้า 2,007 ล้านบาท เงินรับจากการขายบริษัท เอ็กโก ร่วมทุนและพัฒนา จำกัด (บรพ.) และ อเมสโก จำนวนรวมทั้งสิ้น 815 ล้านบาท และเงินปันผลรับจากอีสท์ วอเตอร์ จำนวน 78 ล้านบาท ในขณะที่มีการลงทุนในกิจการร่วมค้า จำนวน 5,235 ล้านบาท มีการ ชำระคืนเงินกู้และหุ้นกู้จำนวนรวมทั้งสิ้น 1,563 ล้านบาท และการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น จำนวน 2,753 ล้านบาท 2) เงินลงทุนระยะสั้นและระยะยาวที่ใช้เป็นหลักประกัน จำนวน 1,166 ล้าน บาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 251 ล้านบาท หรือร้อยละ 27 สาเหตุหลักจากการใช้เงินฝาก จำนวน 450 ล้านบาท เป็นหลักประกันสำหรับ Standby Letters of Credit ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในโครงการเควซอนของ เอ็กโก ในขณะที่มีการ ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบกำหนดชำระคืนของ บฟข. และ เอ็กโก โคเจน 3) เงินลงทุนในบริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสียตามงบการเงินรวม มีมูลค่า ตามบัญชี เท่ากับ 24,494 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 42 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 4,261 ล้านบาท หรือร้อยละ 21 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญได้แก่ 3.1) มีการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย จำนวน 4,712 ล้านบาท 3.2) มีการลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนของเอ็นทีพีซี และการซื้อหุ้นเควซอน จำนวน 4,360 ล้านบาท 3.3) ได้รับเงินปันผลจาก บีแอลซีพี จีอีซี และ โคแนล จำนวน 3,823 ล้านบาท 3.4) มีการขายเงินลงทุนในหุ้นทุนของ บรพ. และ อเมสโก จำนวน 835 ล้านบาท 3.5) โอนย้ายจากการลงทุนในกิจการร่วมค้าไปยังบริษัทย่อย จำนวน 10 ล้านบาท 3.6) ขาดทุนจากการแปลงค่างบการเงินของบริษัทที่อยู่ในต่างประเทศ จำนวน 143 ล้านบาท สำหรับเงินลงทุนในบริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ซึ่งบันทึกโดยใช้ราคา ทุนเดิมเป็นราคาเริ่มต้น ตามงบการเงินเฉพาะบริษัท มีมูลค่าตามบัญชี ณ 31 ธันวาคม 2551 เท่ากับ 34,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,671 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจาก เอ็กโก มี การลงทุนเพิ่มในกิจการร่วมค้า ซึ่งได้แก่ เควซอน เอ็นทีพีซี และบริษัท พัฒนาพลังงาน ทดแทนและสิ่งแวดล้อม จำกัด จำนวน 4,172 ล้านบาท 886 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่มีการขายหุ้น บรพ. จำนวน 348 ล้านบาท และการรับรู้การด้อยค่า ของโคแนล จำนวน 48 ล้านบาท 4) ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (สุทธิ) จำนวน 17,041 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 29 ของสินทรัพย์รวม ลดลงสุทธิทั้งสิ้น 1,597 ล้านบาท หรือร้อยละ 9 สินทรัพย์ที่ลดลง ส่วนใหญ่มาจาก การตัดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ เอ็กโก และบริษัทย่อยอื่นๆ จำนวน 2,169 ล้านบาท และการโอนวัสดุสำรองหลักที่ไม่ใช้งานออกไปยังวัสดุสำรองคลังของ บฟร. บฟข. และเอ็กโก โคเจน จำนวน 259 ล้านบาท ในขณะที่มีการบันทึกวัสดุสำรองหลัก เป็นสินทรัพย์เนื่องจากการซ่อมบำรุงรักษาของ บฟร. บฟข. และเอ็กโก โคเจน จำนวน 744 ล้านบาท และซื้อสุทธิของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 87 ล้านบาท 5) สินทรัพย์อื่นๆ จำนวน 9,596 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 1,275 ล้านบาท หรือร้อยละ 15 สาเหตุหลักเนื่องจากเงินปันผลค้างรับจาก กิจการร่วมค้าที่เพิ่มขึ้น จำนวน 1,815 ล้านบาท ในขณะที่วัสดุสำรองคลังลดลง จำนวน 493 ล้านบาท 4.2 การวิเคราะห์หนี้สิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 กลุ่มเอ็กโกมีหนี้สินรวม จำนวน 12,788 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550 จำนวน 1,183 ล้านบาท หรือร้อยละ 10 ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1) เงินกู้ยืมระยะสั้น จำนวน 3,500 ล้านบาท หรือร้อยละ 27 ของหนี้สินรวม เพิ่มขึ้นจากปีก่อนทั้งจำนวน เนื่องจาก บผฟ. ได้เบิกเงินกู้ยืมจำนวน 3,500 ล้านบาท ตาม สัญญาสินเชื่อตั๋วสัญญาใช้เงินกับธนาคารพาณิชย์ไทย 2) เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ จำนวน 7,770 ล้านบาท หรือร้อยละ 61 ของ หนี้สินรวม ลดลง 1,468 ล้านบาท หรือร้อยละ 16 สาเหตุหลักเกิดจากการชำระหนี้เงินกู้และ หุ้นกู้ของ บฟข.เอ็กโก โคเจน และร้อยเอ็ด กรีน โดยมีรายละเอียดเป็นเงินตราสกุลต่างๆ ดังนี้ - เงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ - เงินกู้สกุลเยน จำนวน 772 ล้านเยน - เงินกู้สกุลบาท จำนวน 4,636 ล้านบาท - หุ้นกู้สกุลบาท จำนวน 2,227 ล้านบาท กำหนดชำระคืนเงินกู้ระยะยาวและหุ้นกู้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 หน่วย : ล้านบาท กำหนดชำระคืน เอ็กโก บฟข. เอ็กโก โคเจน ร้อยเอ็ด กรีน ภายใน 1 ปี - 817 157 39 1-5 ปี - 1,410 858 158 เกินกว่า 5 ปี 4,000 - 229 101 รวม 4,000 2,227 1,244 299 ทั้งนี้เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ค้ำประกันโดยการจำนองที่ดิน อาคาร โรงไฟฟ้า และ เครื่องจักรของบริษัทย่อย และกิจการร่วมค้า นอกจากนี้บริษัทย่อยและกิจการร่วมค้า ได้กันเงินสำรองเพื่อการชำระคืนเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยที่จะครบกำหนดชำระคืนภายใน 1 ปี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 มีจำนวนรวม 203 ล้านบาท 3) หนี้สินอื่นๆ จำนวน 1,518 ล้านบาท หรือร้อยละ 12 ของหนี้สินรวม ลดลง 849 ล้านบาท หรือร้อยละ 36 สาเหตุหลักเนื่องจาก หนี้สินสุทธิในกิจการร่วมค้าลดลง 783 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มทุนและรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเอ็นทีพีซี จำนวน 886 ล้านบาท และ 103 ล้านบาท ตามลำดับ และเจ้าหนี้การค้าลดลง 202 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจาก เอ็กโก โคเจน และ บฟข. ในขณะที่ภาษีเงินได้ค้างจ่ายเพิ่มขึ้น 129 ล้านบาท จาก บฟร. 4.3 การวิเคราะห์ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ส่วนของผู้ถือหุ้น มีจำนวน 45,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากสิ้นปี 2550 จำนวน 3,546 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8 เนื่องจากปัจจัยหลักคือ กำไร สุทธิจากผลการดำเนินงานตามงบการเงินรวม จำนวน 6,927 ล้านบาท ในขณะที่มีการ จัดสรรเงินปันผล จำนวน 2,603 ล้านบาท จากการวิเคราะห์โครงสร้างของเงินทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 สรุปได้ดังนี้ ส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 45,542 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 78.08 หนี้สิน จำนวน 12,788 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21.92 สามารถคำนวณหา อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ ได้ดังนี้ - อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.28 เท่า เท่ากับสิ้นปี 2550 - มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์สุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 85.60 บาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 78.78 บาท 5. รายงานการวิเคราะห์กระแสเงินสด งบกระแสเงินสดแสดงกระแสเงินสดที่เปลี่ยนแปลงจากกิจกรรมดำเนินงาน กิจกรรม ลงทุน และกิจกรรมจัดหาเงิน ณ สิ้นงวดบัญชี และแสดงเงินสดและรายการเทียบเท่า คงเหลือสิ้นงวด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 เงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือ มีจำนวน 4,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550 ทั้งสิ้น 1,228 ล้านบาท ซึ่งมีรายละเอียดของ แหล่งที่มาและแหล่งที่ใช้ไปของเงินดังต่อไปนี้ - เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน จำนวน 4,881 ล้านบาท มาจาก เงินสดที่ได้มาจากการดำเนินงาน 5,813 ล้านบาท และเงินสดใช้ไปสำหรับเงินทุน หมุนเวียน 932 ล้านบาท - เงินสดสุทธิที่ใช้ไปสำหรับกิจกรรมลงทุน จำนวน 2,217 ล้านบาท ส่วนใหญ่ มาจากการลงทุนในกิจการร่วมค้า จำนวน 5,235 ล้านบาท ในขณะที่มีการรับเงินปันผล จากกิจการร่วมค้า 2,007 ล้านบาท เงินรับจากการขาย บรพ. และ อเมสโก จำนวน 815 ล้านบาท และเงินปันผลรับจากอีสท์ วอเตอร์ จำนวน 78 ล้านบาท - เงินสดสุทธิที่ใช้ไปสำหรับกิจกรรมจัดหาเงิน จำนวน 1,435 ล้านบาท เกิดจาก การชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยของหุ้นกู้และเงินกู้ของ เอ็กโก บฟข. เอ็กโก โคเจน และ ร้อยเอ็ด กรีน รวมทั้งสิ้น 1,563 ล้านบาท และการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 2,753 ล้านบาท ในขณะที่ บผฟ. มีการเบิกเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 3,500 ล้านบาท ปี 2551 เอ็กโก มีอัตราส่วนสภาพคล่อง (Liquidity Ratio) ที่สำคัญ ดังนี้ - อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) อยู่ที่ 2.58 เท่า เทียบกับปี 2550 ซึ่ง เท่ากับ 4.22 เท่า - อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (Quick Ratio) อยู่ที่ 1.34 เท่า เทียบกับปี 2550 ซึ่งเท่ากับ 2.26 เท่า สาเหตุที่อัตราส่วนทั้งสองของปี 2551 ต่ำกว่าปี 2550 เป็นผลมาจากการเบิกเงิน กู้ยืมระยะสั้นของเอ็กโกจำนวน 3,500 ล้านบาท