13 พฤษภาคม 2552
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร
จำนวน 43 ล้านบาท หรือร้อยละ 45 เนื่องจากการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไร
สุทธิที่ได้รับจากการลงทุนผลิตไฟฟ้าในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติ ได้สิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 19
เมษายน 2551 ในขณะที่ภาษีเงินได้ของ บฟข. ลดลง จำนวน 37 ล้านบาท หรือร้อยละ 54
เนื่องจากรายได้ที่ลดลง ปัจจุบัน บฟข. ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่
ได้รับจากการลงทุนผลิตไฟฟ้าในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติ เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งจะสิ้นสุด ใน
วันที่ 25 กันยายน 2552
* ค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 63 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2551
จำนวน 36 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 36 เนื่องจาก บฟข. ได้ชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศหมดเมื่อ
เดือนมิถุนายน 2551 และจำนวนหุ้นกู้ที่ลดลง
* ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า คือ บีแอลซีพี และ จีพีจี จำนวน 1,529
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 367 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าไฟฟ้าของ จีพีจี และ บีแอลซีพี
3) ธุรกิจเอสพีพี มีรายได้รวมทั้งสิ้น 581 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2551
จำนวน 26 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 5 ค่าใช้จ่ายรวม จำนวน 498 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลา
เดียวกันปี 2551 จำนวน 47 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 10 และส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียใน
กิจการร่วมค้า จำนวน 103 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 12 ล้านบาท หรือร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับ
ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายละเอียดดังนี้
รายได้ ค่าใช้จ่าย และส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้าของธุรกิจเอสพีพี
หน่วย : ล้านบาท
เอ็กโก โคเจน ร้อยเอ็ด กรีน จีอีซี
(ไม่รวม จีพีจี)
3M52 3M51 3M52 3M51 3M52 3M51
รายได้รวม 502 482 79 74 - -
ค่าใช้จ่ายรวม 461 413 37 39 - -
กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน)
จากกิจการร่วมค้า 41 69 42 35 - -
ส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน)จากกิจการร่วมค้า - - - - 103 60
กำไรสุทธิก่อน FX และ MI 41 69 42 35 103 60
เอพีบีพี และ เออีพี* รวม
3M52 3M51 3M52 3M51 %เปลี่ยนแปลง
รายได้รวม - - 581 556 5%
ค่าใช้จ่ายรวม - - 498 452 10%
กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน)
จากกิจการร่วมค้า - - 83 104 (20%)
ส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน)จากกิจการร่วมค้า - 31 103 91 13%
กำไรสุทธิก่อน FX และ MI - 31 186 195 (5%)
* ได้ขาย เอพีบีพี และ เออีพี ในเดือนพฤษภาคม 2551
* รายได้ค่าไฟฟ้าของธุรกิจเอสพีพี เป็นจำนวนรวม 578 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลา
เดียวกันปี 2551 จำนวน 27 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 5 ส่วนใหญ่มาจากเอ็กโก โคเจน มีรายได้ค่า
ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจำนวน 21 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Charge) ที่
เพิ่มขึ้นจากราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และรายได้ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของ ร้อยเอ็ด กรีน จำนวน 6
ล้านบาท เนื่องจากค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Charge) ที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันเตาที่ปรับตัว
สูงขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับสูตรค่าไฟ
รายได้ค่าไฟฟ้าธุรกิจเอสพีพี: หน่วย : ล้านบาท
3M52 3M51 %เปลี่ยนแปลง
เอ็กโก โคเจน 500 479 4%
ร้อยเอ็ด กรีน 78 72 8%
รวมรายได้ค่าไฟฟ้า-เอสพีพี 578 551 5%
* รายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ จำนวน 3 ล้านบาท ลดลง 1 ล้านบาท หรือร้อย
ละ 30 สาเหตุหลักเกิดจากดอกเบี้ยรับของ เอ็กโก โคเจน ที่ลดลง
* ต้นทุนขาย จำนวน 467 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2551 จำนวน 44
ล้านบาท หรือร้อยละ 11 สาเหตุหลักจากต้นทุนขายของ เอ็กโก โคเจน เพิ่มขึ้น 45 ล้านบาท
เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น
ต้นทุนขายธุรกิจเอสพีพี: หน่วย : ล้านบาท
3M52 3M51 %เปลี่ยนแปลง
เอ็กโก โคเจน 433 387 12%
ร้อยเอ็ด กรีน 34 35 (3%)
รวมต้นทุนขาย-เอสพีพี 467 422 11%
* ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกัน
ของปีก่อนจำนวน 1 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 10
* ค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
จำนวน 2 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 8 เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัว
* ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า คือ จีอีซี (ไม่รวม จีพีจี) จำนวน 103
ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 12 ล้านบาท หรือร้อยละ 13
เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษีลดลง
4) ธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าต่างประเทศ มีส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า คือ
โคแนล เอ็นทีพีซี และ เคซอน จำนวน 105 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนจำนวน
111 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากการรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจาก เคซอน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551
5) ธุรกิจอื่นๆ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 226 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนจำนวน
87 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 28 ค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 157 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
จำนวน 58 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 27 และไม่มีส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้าเมื่อเทียบ
กับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทำให้ ลดลง 2.41 ล้านบาท หรือร้อยละ 100 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
รายได้ ค่าใช้จ่าย และส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้าของธุรกิจอื่นๆ:
หน่วย : ล้านบาท
เอสโก* เอ็กคอมธารา
3M52 3M51 3M52 3M51
รายได้รวม 160 253 66 60
ค่าใช้จ่ายรวม 130 198 27 17
กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า 30 55 39 43
ส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า - 2.41 - -
กำไรสุทธิก่อน FX และ MI 30 58 39 43
รวม
3M52 3M51 %เปลี่ยนแปลง
รายได้รวม 226 313 (28%)
ค่าใช้จ่ายรวม 157 215 (27%)
กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า 69 98 (30%)
ส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า - 2.41 (100%)
กำไรสุทธิก่อน FX และ MI 69 100 (31%)
* ได้ขาย อเมสโก ในเดือนพฤษภาคม 2551
* รายได้ค่าบริการ ของเอสโก จำนวน 157 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี
ก่อน จำนวน 94 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 38 สาเหตุหลักจากรายได้การให้บริการบำรุงรักษาและ
รายได้จากการขายอุปกรณ์เครื่องจักรในการผลิตไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าต่างประเทศลดลง
* รายได้ค่าน้ำ ของเอ็กคอมธารา จำนวน 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของ
ปีก่อน จำนวน 8 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 13 เนื่องจากอัตราค่าน้ำที่เพิ่มขึ้นตามสัญญาระยะยาว
กับการประปาส่วนภูมิภาค
* รายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ จำนวน 4 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกัน
ของปีก่อน
* ต้นทุนบริการ จำนวน 110 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 59
ล้านบาท หรือร้อยละ 35 ซึ่งสัมพันธ์กับรายได้ที่ลดลง
* ต้นทุนขายน้ำประปา จำนวน 18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
จำนวน 1 ล้านบาท หรือร้อยละ 8
* ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกัน
ของปีก่อน จำนวน 1 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 2
* ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ของเอสโก อันได้แก่ อเมสโก ลดลง
2.41 ล้านบาท หรือร้อยละ 100 จากการขายอเมสโกไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2551
4. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน
4.1 การวิเคราะห์สินทรัพย์
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 เอ็กโก บริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า มีสินทรัพย์รวม
จำนวน 60,381 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,051 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2551
โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้
1) เงินสด เงินฝากสถาบันการเงิน เงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด ทั้งระยะสั้น
และระยะยาว จำนวน 6,962 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 12 ของสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 930 ล้านบาท
หรือร้อยละ 15 สาเหตุหลักจาก การได้รับเงินปันผลจากกิจการร่วมค้า 1,052 ล้านบาท และได้เงินสดรับ
จากการดำเนินงาน 729 ล้านบาท ในขณะที่ลงทุนในกิจการร่วมค้า จำนวน 678 ล้านบาท และมีการจ่าย
ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยของเงินกู้ 165 ล้านบาท
2) เงินลงทุนระยะสั้นและระยะยาวที่ใช้เป็นหลักประกัน จำนวน 1,355 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน
ร้อยละ 2 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 189 ล้านบาท หรือร้อยละ 16 สาเหตุหลักจากการสำรองเงินไว้
สำหรับการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบกำหนดชำระคืนของ บฟข.
3) เงินลงทุนในบริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 ส่วนได้เสียใน
กิจการร่วมค้า ซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสียตามงบการเงินรวม มีมูลค่าตามบัญชี เท่ากับ 25,746 ล้านบาท
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 43 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 1,251 ล้านบาท หรือร้อยละ 5 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลง
ที่สำคัญได้แก่
3.1) การเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย จำนวน 1,587 ล้านบาท
3.2) ได้รับเงินปันผลจาก บีแอลซีพี จีอีซี และ โคแนล จำนวน 1,038 ล้านบาท
3.3) การได้มาซึ่งกิจการร่วมค้า จำนวน 483 ล้านบาท
3.4) การเพิ่มทุนของกิจการร่วมค้าและการโอนย้ายหนี้สินสุทธิมาเป็นส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า
จำนวน 182 ล้านบาท
3.5) กำไรจากการแปลงค่างบการเงินของบริษัทที่อยู่ในต่างประเทศ จำนวน 37 ล้านบาท
สำหรับเงินลงทุนในบริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ซึ่งบันทึกโดยใช้ราคาทุนเดิมเป็นราคาเริ่มต้น
ตามงบการเงินเฉพาะบริษัท มีมูลค่าตามบัญชี ณ 31 มีนาคม 2552 เท่ากับ 35,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 736
ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจาก เอ็กโก มีการลงทุนเพิ่มในบริษัทย่อยและกิจการร่วมค้า ซึ่งได้แก่ เอ็กโก บีวีไอ
และเอ็นทีพีซี
4) ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (สุทธิ) จำนวน 16,554 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27 ของ
สินทรัพย์รวม ลดลงสุทธิทั้งสิ้น 487 ล้านบาท หรือร้อยละ 3 สินทรัพย์ที่ลดลงส่วนใหญ่มาจาก การตัดค่าเสื่อม
ราคาของสินทรัพย์ เอ็กโก และบริษัทย่อยอื่นๆ จำนวน 544 ล้านบาท และการโอนวัสดุสำรองหลักที่ไม่ใช้งาน
ออกไปยังวัสดุสำรองคลังของ บฟร. จำนวน 7 ล้านบาท ในขณะที่มีการบันทึกวัสดุสำรองหลักเป็นสินทรัพย์
เนื่องจากการซ่อมบำรุงรักษาของ บฟร. และ บฟข. จำนวน 31 ล้านบาท และซื้อสุทธิของที่ดิน อาคาร
และอุปกรณ์ 34 ล้านบาท
5) สินทรัพย์อื่นๆ จำนวน 9,765 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 168
ล้านบาท หรือร้อยละ 2 สาเหตุหลักจากสินทรัพย์หมุนเวียนอื่นของ บฟร. และ บฟข. เพิ่มขึ้น 88 ล้านบาท
และลูกหนี้การค้าบริษัทที่เกี่ยวข้อง เพิ่มขึ้น 52 ล้านบาท
4.2 การวิเคราะห์หนี้สิน
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 กลุ่มเอ็กโกมีหนี้สินรวม จำนวน 12,598 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2551
จำนวน 190 ล้านบาท หรือร้อยละ 1 ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1) เงินกู้ยืมระยะสั้น จำนวน 3,500 ล้านบาท หรือร้อยละ 28 ของหนี้สินรวม เกิดจากการที่
เอ็กโก ได้เบิกเงินกู้ยืม ตามสัญญาสินเชื่อตั๋วสัญญาใช้เงินกับธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งหนึ่ง เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551
2) เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ จำนวน 7,663 ล้านบาท หรือร้อยละ 61 ของหนี้สินรวม ลดลง
107 ล้านบาท หรือร้อยละ 1 สาเหตุหลักเกิดจากการชำระหนี้เงินกู้ของ เอ็กโก โคเจน และ
ร้อยเอ็ด กรีน โดยมีรายละเอียดเป็นเงินตราสกุลต่างๆ ดังนี้
- เงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เงินกู้สกุลเยน จำนวน 716 ล้านเยน
- เงินกู้สกุลบาท จำนวน 4,586 ล้านบาท
- หุ้นกู้สกุลบาท จำนวน 2,227 ล้านบาท
กำหนดชำระคืนเงินกู้ระยะยาวและหุ้นกู้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 หน่วย : ล้านบาท
กำหนดชำระคืน เอ็กโก บฟข. เอ็กโก โคเจน ร้อยเอ็ด กรีน
ภายใน 1 ปี - 816 159 37
1-5 ปี - 1,410 893 149
เกินกว่า 5 ปี 4,000 - 122 76
รวม 4,000 2,227 1,174 262
ทั้งนี้เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ค้ำประกันโดยการจำนองที่ดิน อาคาร โรงไฟฟ้า และเครื่องจักรของ
บริษัทย่อย นอกจากนี้บริษัทย่อยได้กันเงินสำรองเพื่อการชำระคืนเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยที่จะครบกำหนดชำระ
คืนภายใน 1 ปี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 มีจำนวนรวม 494 ล้านบาท
3) หนี้สินอื่นๆ จำนวน 1,436 ล้านบาท หรือร้อยละ 11 ของหนี้สินรวม ลดลง 83 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 5 สาเหตุหลักเนื่องจากค่าใช้จ่ายค้างจ่ายของ เอ็กโก ลดลง 107 ล้านบาท
4.3 การวิเคราะห์ส่วนของผู้ถือหุ้น
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 ส่วนของผู้ถือหุ้น มีจำนวน 47,783 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551
จำนวน 2,240 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5 เนื่องจากปัจจัยหลักคือ กำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานตาม
งบการเงินรวม จำนวน 2,239 ล้านบาท
จากการวิเคราะห์โครงสร้างของเงินทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 สรุปได้ดังนี้
ส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 47,783 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 79.14
หนี้สิน จำนวน 12,598 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.86
สามารถคำนวณหา อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ ได้ดังนี้
- อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.26 เท่า ต่ำกว่าสิ้นปี 2551 ซึ่งเท่ากับ 0.28 เท่า
- มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์สุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 89.79 บาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 ซึ่งอยู่ที่
ระดับ 85.60 บาท
5. รายงานการวิเคราะห์กระแสเงินสด
งบกระแสเงินสดแสดงกระแสเงินสดที่เปลี่ยนแปลงจากกิจกรรมดำเนินงาน กิจกรรมลงทุน และ
กิจกรรมจัดหาเงิน ณ สิ้นงวดบัญชี และแสดงเงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือสิ้นงวด ณ วันที่ 31 มีนาคม
2552 เงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือ มีจำนวน 4,090 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2551 ทั้งสิ้น 888
ล้านบาท ซึ่งมีรายละเอียดของแหล่งที่มาและแหล่งที่ใช้ไปของเงินดังต่อไปนี้
- เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน จำนวน 729 ล้านบาท มาจากเงินสดที่ได้มาจากการ
ดำเนินงาน 1,420 ล้านบาท และเงินสดใช้ไปสำหรับเงินทุนหมุนเวียน 691 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิที่ใช้ไปสำหรับกิจกรรมลงทุน จำนวน 1,436 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการลงทุน
ในเงินฝากสถาบันการเงิน จำนวน 1,836 ล้านบาท และลงทุนในกิจการร่วมค้า จำนวน 678 ล้านบาท
ในขณะที่ได้รับเงินปันผลจากกิจการร่วมค้า 1,052 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิที่ใช้ไปสำหรับกิจกรรมจัดหาเงิน จำนวน 182 ล้านบาท เกิดจากการชำระคืนเงินกู้
เอ็กโก โคเจน และ ร้อยเอ็ด กรีน รวมทั้งสิ้น 100 ล้านบาท และการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้จำนวน 65 ล้านบาท
ในงวด 3 เดือน ปี 2552 บผฟ. มีอัตราส่วนสภาพคล่อง (Liquidity Ratio) ที่สำคัญ ดังนี้
- อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) อยู่ที่ 2.83 เท่า เทียบกับปี 2551 ซึ่งเท่ากับ
2.58 เท่า
- อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (Quick Ratio) อยู่ที่ 1.57 เท่า เทียบกับปี 2551 ซึ่ง
เท่ากับ 1.34 เท่า
สาเหตุที่อัตราส่วนทั้งสองของปี 2552 สูงกว่าปี 2551 เนื่องจากได้รับเงินปันผลจากกิจการร่วมค้า
จำนวน 1,052 ล้านบาท