10 พฤศจิกายน 2552

บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ไตรมาส 3/2552

บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานประจำงวด 9 เดือน ปี 2552 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 หมายเหตุ: บทรายงานและการวิเคราะห์งบการเงินฉบับนี้ ฝ่ายบริหารได้จัดทำขึ้นเพื่อ นำเสนอข้อมูลและแสดงวิสัยทัศน์ของฝ่ายบริหารให้นักลงทุนสามารถติดตามและทำความ เข้าใจฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทได้ดีขึ้น อันเป็นการส่งเสริมโครงการ การกำกับดูแลกิจการที่ดีของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) อนึ่งเนื่องจากบทรายงานและการวิเคราะห์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอ ข้อมูลและคำอธิบายถึงสถานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่ง สิ่งที่นำเสนอนี้อาจเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยหรือสภาวะแวดล้อมที่อาจเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต ฉะนั้นจึงใคร่ขอให้นักลงทุนใช้วิจารณญาณในการพิจารณาใช้ประโยชน์จากเอกสารข้อมูลนี้ และหากมีคำถามหรือข้อสงสัยประการใดกรุณาติดต่อสอบถามได้ที่ ส่วนนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) โทร. 02-998-5145-7 หรือ email : ir@egco.com บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร 1. บทสรุปผู้บริหาร บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก ดำเนินธุรกิจในรูปบริษัทโฮลดิ้ง ที่มี การลงทุนในบริษัทย่อย และส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้าต่างๆ ทั้งนี้ในปี 2551 ได้มีการขาย หุ้นของบริษัท อมตะ-เอ็กโก เพาเวอร์ จำกัด (เออีพี) บริษัท อมตะ เพาเวอร์ (บางปะกง) จำกัด (เอพีบีพี) และ บริษัท อมตะ เพาเวอร์-เอสโก เซอร์วิส จำกัด (อเมสโก) ออกไป และมี การซื้อหุ้นของ บริษัท เคซอน เพาเวอร์ (ฟิลิปปินส์) จำกัด (เคซอน) และในปี 2552 มีการซื้อ หุ้นของ เคซอน เพิ่มในสัดส่วนร้อยละ 2.6 ในเดือนมีนาคม และการซื้อหุ้นในบริษัท พัฒนา พลังงานธรรมชาติ จำกัด (เอ็นอีดี) ในสัดส่วนร้อยละ 33.33 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งสามารถจัด บริษัทย่อย และส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้าต่างๆ ตามประเภทการลงทุนได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. ธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) ได้แก่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าระยอง จำกัด (บฟร.) บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด (บฟข.) บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด (บีแอลซีพี) และ บริษัท กัลฟ์ เพาเวอร์ เจเนอเรชั่น จำกัด (จีพีจี) 2. ธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (เอสพีพี) ได้แก่ บริษัท กัลฟ์อิเล็คตริก จำกัด (มหาชน) (จีอีซี) (ไม่รวม จีพีจี) บริษัท เอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น จำกัด (เอ็กโก โคเจน) และ บริษัท ร้อยเอ็ด กรีน จำกัด (ร้อยเอ็ด กรีน) 3. ธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าต่างประเทศ ได้แก่ บริษัท โคแนล โฮลดิ้ง คอร์ปอเรชั่น (โคแนล) บริษัท น้ำเทิน 2 เพาเวอร์ จำกัด (เอ็นทีพีซี) และ เคซอน 4. ธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ บริษัท เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (เอสโก) บริษัท เอ็กคอมธารา จำกัด (เอ็กคอมธารา) และ เอ็นอีดี โดยรวมแล้วกลุ่มเอ็กโก (หมายถึง เอ็กโก บริษัทย่อย และส่วนได้เสียในกิจการร่วม ค้า)/1 มีโรงไฟฟ้าจำนวน 13 โรง คิดเป็นกำลังผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมจำนวน 3,980.7 เมกะวัตต์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 จำนวน 13.1 เมกะวัตต์ เนื่องจากการซื้อหุ้น ของ เคซอน (โรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังผลิตติดตั้ง 502.5 เมกะวัตต์) เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2552 เพิ่มในสัดส่วนร้อยละ 2.6 รวมเป็นถือหุ้นใน เคซอน ร้อยละ 26 /1 บริษัทย่อย ได้แก่ บฟร. บฟข. เอ็กโก โคเจน ร้อยเอ็ด กรีน เอสโก และ เอ็กคอมธารา ส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ได้แก่ บีแอลซีพี จีพีจี จีอีซี (ไม่รวมจีพีจี) โคแนล เอ็นทีพีซี เคซอน และ เอ็นอีดี ผลการดำเนินงานของกลุ่มเอ็กโก สำหรับ 9 เดือน ปี 2552 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 6,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 387 ล้านบาท หรือร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2551 และหากไม่คำนึงถึงผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของ กลุ่มเอ็กโก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตัวเลขทางบัญชี ที่แสดงเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชี ไทย ในงวด 9 เดือน ปี 2552 กลุ่มเอ็กโกจะมีกำไรจำนวน 6,310 ล้านบาท ลดลง 144 ล้านบาท หรือร้อยละ 2 สาเหตุหลักเกิดจากการลดลงของรายได้ค่าไฟฟ้า บฟข. และ บฟร. จากอัตราค่าไฟที่ลดลง รายได้ค่าบริการของ เอสโก ลดลง และค่าใช้จ่ายในการผลิตที่เพิ่มขึ้น ของเอ็กโก โคเจน จากการหยุดซ่อมตามแผน ถึงแม้ว่าจะมีรายได้ค่าไฟฟ้าของ จีพีจี ที่เพิ่มขึ้น จากโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 หน่วยที่ 2 ซึ่งเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2551 อีกทั้งการรับรู้รายได้จากผลการดำเนินงานของ เคซอน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551 ก็ตาม 2. การวิเคราะห์ผลการปฏิบัติตามแผนการดำเนินธุรกิจ กลุ่มเอ็กโกเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่แห่งแรกของประเทศไทยที่จัดตั้งขึ้นเมื่อ วันที่ 12 พฤษภาคม 2535 ในลักษณะบริษัทโฮลดิ้ง ปัจจุบันมีการลงทุนในบริษัทย่อย และ กิจการร่วมค้าต่างๆ เอ็กโกดำเนินการภายใต้วิสัยทัศน์ที่ว่า ?เป็นบริษัทไทยชั้นนำที่ดำเนิน ธุรกิจผลิตไฟฟ้าครบวงจรและครอบคลุมถึงธุรกิจการให้บริการด้านพลังงานทั้งในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียนด้วยความมุ่งมั่นที่จะธำรงไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสังคม? เอ็กโกดำเนินธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่าย ผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว และหาโอกาสในการ ลงทุนในธุรกิจพลังงานทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยมีเป้าหมายในการหา ผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นโดยการบริหารจัดการโครงการที่มีอยู่ปัจจุบัน ตลอดจนการสรรหาโครงการที่มีคุณภาพและให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต และอยู่ในระดับ ความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ คือต้องไม่ต่ำกว่าต้นทุนของเงินทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 ประเทศไทยมีกำลังผลิตติดตั้งรวมจำนวน 29,191 เมกะวัตต์/1 และความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดเกิดขึ้นในวันที่ 13 มีนาคม 2552 ที่ 21,318 เมกะวัตต์/1 ซึ่งต่ำกว่าความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุด ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนของปี 2551 คิดเป็นร้อยละ 5.54 1/ ที่มา: กฟผ. เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2552 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้จัดตั้ง คณะอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ พีดีพี 2009 โดยเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนต่อแนวทางการปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิต ไฟฟ้าของประเทศ เพื่อนำความเห็นไปจัดทำแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่ เปลี่ยนแปลงไปโดยวางแนวทางการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยเป็นแผนระยะ ยาว 20 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป ซึ่งให้ความสำคัญกับ 1) ความมั่นคงของระบบไฟฟ้า โดยให้มีการกระจายแหล่งเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า 2) การใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อเป็น แผนกรีนพีดีพี ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปีของกระทรวงพลังงาน รวมถึง 3) การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าอย่างมี ประสิทธิภาพด้วยระบบผลิตไฟฟ้าและความร้อนร่วม(Cogeneration) สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจ กลุ่มเอ็กโกได้ปรับกลยุทธ์ในการขยายการลงทุนไป ยังโรงไฟฟ้าในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น ตลอดจนลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับ เชื้อเพลิง และโครงการอื่นๆ ภายในประเทศไทยที่ใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อรักษาส่วนแบ่ง ตลาดในฐานะบริษัทชั้นนำทางด้านพลังงาน และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน และผลการดำเนินงานให้กับกลุ่มเอ็กโก อย่างต่อเนื่อง ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 กลุ่มเอ็กโก มีกำลังผลิตติดตั้งที่ดำเนินการแล้วจำนวน 3,980.7 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้า 13 โรง ในจำนวนนี้ เอ็กโกได้จำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับ กฟผ. ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเป็นจำนวน 3,589.5 เมกะวัตต์ คิดเป็นร้อยละ 12.30 ของ กำลังผลิตติดตั้งรวมของประเทศ นอกจากนี้ เอ็กโก ยังถือหุ้นในโครงการน้ำเทิน 2 (เอ็กโก ถือหุ้นร้อยละ 25 ในเอ็นที พีซี ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ) ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คิดเป็นกำลังผลิตติดตั้งในส่วนการ ถือหุ้นของ เอ็กโก จำนวนรวม 271.7 เมกะวัตต์ โดยโครงการน้ำเทิน 2 ผลิตกระแสไฟฟ้า จากพลังน้ำในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีกำลังผลิตติดตั้ง 1,086.8 เมกะวัตต์ และมีกำหนดเลื่อนจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากเดือนธันวาคม ปี 2552 เป็นไตรมาส แรกของปี 2553 โดยมีสัญญาขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. จำนวน 995 เมกะวัตต์ และขายไฟฟ้า ส่วนที่เหลือให้กับรัฐบาลลาว ความก้าวหน้าในการก่อสร้างโครงการ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 99.54 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ งบการเงินรวมหลังหักภาษีเงินได้ หรือ ในจำนวนที่ทยอยเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ หากไม่มี เหตุจำเป็นอื่นใด เช่น การขยายธุรกิจของบริษัทในโครงการต่าง ๆ ในอนาคต หรือการ จ่ายเงินปันผลที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานปกติของบริษัทอย่างมีสาระสำคัญโดยการ จ่ายเงินปันผลต้องไม่เกินกว่ากำไรสะสมของงบการเงินเฉพาะกิจการ 3. รายงานและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน ฝ่ายบริหารขอแสดงรายงานวิเคราะห์งบการเงินรวมของ เอ็กโก บริษัทย่อย และ ส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า เพื่อให้เห็นถึงภาพรวมที่ชัดเจนของผลการดำเนินงาน ดังต่อไปนี้ 3.1 สรุปผลการดำเนินงาน หน่วย : ล้านบาท 9M2552 9M2551 ก่อน FX หลัง FX ก่อน FX หลัง FX เอ็กโก (279) (279) (314) (314) ธุรกิจไอพีพี 5,760 6,186 6,081 5,934 ธุรกิจเอสพีพี 384 481 490 455 ธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าต่างประเทศ 341 170 (27) (31) ธุรกิจอื่นๆ 104 96 223 224 รวม 6,310/1 6,655 6,453/1 6,268 หมายเหตุ:- กำไรก่อน FX ได้แยกผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนของ เอ็กโก บริษัทย่อย และกิจการ ร่วมค้าออก - ไอพีพี ประกอบด้วย บฟร. บฟข. บีแอลซีพี จีพีจี - เอสพีพี ประกอบด้วย จีอีซี (ไม่รวมจีพีจี) เอ็กโก โคเจน ร้อยเอ็ด กรีน เอพีบีพี เออีพี - ต่างประเทศ ประกอบด้วย โคแนล เอ็นทีพีซี เคซอน - อื่นๆ ประกอบด้วย เอสโก เอ็กคอมธารา เอ็นอีดี และ อเมสโก - ได้ขาย เอพีบีพี เออีพี และ อเมสโก ในเดือนพฤษภาคม 2551, ซื้อ เคซอน ในเดือน พฤศจิกายน 2551 และลงทุนใน เอ็นอีดี เดือนกรกฎาคม 2552 /1 กำไรก่อน FX ที่แสดงในที่นี้แตกต่างจากกำไรก่อน FX ที่คำนวณได้จากงบการเงินรวม เนื่องจาก รายการกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนในงบการเงินรวมมาจาก FX ของเอ็กโก และบริษัทย่อย ส่วน FX ของกิจการร่วมค้า จะแสดงรวมอยู่ในรายการส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) ในส่วนได้เสีย ในกิจการร่วมค้า ผลการดำเนินงานของกลุ่มเอ็กโก ประจำ 9 เดือน ปี 2552 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 มีกำไรก่อนผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนของกลุ่มเอ็กโก จำนวน 6,310 ล้าน บาท ลดลง 144 ล้านบาท หรือร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2551 โดยสาเหตุ หลักเกิดจากการลดลงของรายได้ค่าไฟฟ้า บฟข. และ บฟร. จากอัตราค่าไฟที่ลดลง รายได้ ค่าบริการของ เอสโก ลดลง และค่าใช้จ่ายในการผลิตที่เพิ่มขึ้นของ เอ็กโก โคเจน จากการ หยุดซ่อมตามแผน ถึงแม้ว่าจะมีรายได้ค่าไฟฟ้าของ จีพีจี ที่เพิ่มขึ้น จากโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 หน่วยที่ 2 ซึ่งเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2551 อีกทั้งการรับรู้รายได้ จากผลการดำเนินงานของ เคซอน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551 ก็ตาม หากคำนึงถึงผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการแข็งค่าของเงินบาท กำไรของ กลุ่มเอ็กโก ประจำ 9 เดือน ปี 2552 จะเป็นจำนวน 6,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 387 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 6 ทั้งนี้ กลุ่มเอ็กโกมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 346 ล้านบาท ในขณะที่ ช่วงเวลาเดียวกัน ปี 2551 มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 185 ล้านบาท ซึ่งเกิดความ แตกต่างจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 530 ล้านบาท ทั้งนี้กำไร (ขาดทุน) จากอัตรา แลกเปลี่ยนส่วนใหญ่เป็นตัวเลขทางบัญชี ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีไทยโดยเกิดจาก ผลต่างของการแปลงมูลค่าหนี้คงค้างสุทธิเฉพาะที่เป็นเงินตราสกุลต่างประเทศเป็นเงินตรา สกุลบาท ณ วันสิ้นสุดงวดของบัญชีปัจจุบัน (วันที่ 30 กันยายน 2552) กับงวดก่อนหน้านี้ (วันที่ 31 ธันวาคม 2551) โดยกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนใน 9 เดือน ปี 2552 จำนวน 346 ล้านบาท แบ่งเป็น - กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของเอ็กโก และบริษัทย่อย จำนวน 13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไร จากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 11 ล้านบาท - กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของกิจการร่วมค้า จำนวน 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 528 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2551 ซึ่งมีขาดทุนจากอัตรา แลกเปลี่ยน จำนวน 195 ล้านบาท กำไร (ขาดทุน) จาก FX ของกิจการร่วมค้า: หน่วย : ล้านบาท 9M52 9M51 บีแอลซีพี 265 (25) จีพีจี 173 (161) จีอีซี (ไม่รวมจีพีจี) 65 (12) เอพีบีพีและเออีพี* - 6 โคแนล 2 39 เอ็นทีพีซี (173) (42) เคซอน 1 - รวมกำไร (ขาดทุน) จาก FX 333 (195) * ได้ขาย เอพีบีพี และ เออีพี ในเดือนพฤษภาคม 2551 กำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายทางการเงิน ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่างๆ (EBITDA) ของกลุ่มเอ็กโก สำหรับ 9 เดือน ปี 2552 จำนวน 12,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 247 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับ EBITDA ของกลุ่มเอ็กโก ในช่วงเวลาเดียวกัน ปี 2551 จำนวน 12,378 ล้านบาท กำไรขั้นต้นของเอ็กโกและบริษัทย่อย จำนวน 2,741 ล้านบาท ลดลง 858 ล้านบาท หรือร้อยละ 24 สาเหตุหลักจากรายได้ค่าไฟฟ้าของ บฟข. ที่ลดลงจากอัตราค่าไฟซึ่งเป็นไป ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และรายได้ค่าบริการของ เอสโก ที่ลดลงจากการให้บริการ บำรุงรักษาและรายได้จากการขายอุปกรณ์เครื่องจักรในการผลิตไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้า ต่างประเทศลดลง กำไรจากการดำเนินงานของเอ็กโกและบริษัทย่อย จำนวน 2,313 ล้านบาท ลดลง 924 ล้านบาท หรือร้อยละ 29 โดยมีสาเหตุหลักเช่นเดียวกับการลดลงของกำไรขั้นต้น อัตราส่วนแสดงความสามารถในการหากำไร (Profitability Ratio) สำหรับผล การดำเนินงานประจำ 9 เดือน ปี 2552 มีดังนี้ - อัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 40.22 - อัตรากำไรจากการดำเนินงานเท่ากับร้อยละ 33.95 - อัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 53.48 - อัตรากำไรสุทธิ (ที่ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนของเอ็กโกและบริษัท ย่อย) เท่ากับร้อยละ 53.37 - กำไรสุทธิ ต่อหุ้น เท่ากับ 12.64 บาท - กำไรสุทธิ (ที่ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนของ เอ็กโกและบริษัทย่อย) ต่อหุ้นเท่ากับ 12.62 บาท - อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเท่ากับร้อยละ 14.14 อัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับร้อยละ 40.22 นั้นต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันปี 2551 ซึ่งเท่ากับ ร้อยละ 45.14 สาเหตุหลักจากรายได้ค่าไฟฟ้าของ บฟข. ที่ลดลง และรายได้ค่าบริการของ เอสโก ที่ลดลงตามลำดับ และอัตรากำไรสุทธิ (ที่ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนของ เอ็กโก และบริษัทย่อย) เท่ากับร้อยละ 53.37 สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันปี 2551 ซึ่งเท่ากับ ร้อยละ 50.66 สาเหตุหลักจากส่วนแบ่งกำไรของ จีพีจี ที่เพิ่มขึ้น และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไร ของ เคซอน 3.2 การวิเคราะห์รายได้ ค่าใช้จ่าย และส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ผลการดำเนินงานประจำ 9 เดือน ปี 2552 ที่ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ของกลุ่มเอ็กโก (FX) และกำไรสุทธิของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย (MI) เป็นดังนี้ - รายได้รวมของ เอ็กโก และบริษัทย่อย จำนวน 7,109 ล้านบาท ลดลง 1,143 ล้าน บาท หรือร้อยละ 14 - ค่าใช้จ่ายรวมของ เอ็กโก และบริษัทย่อย จำนวน 5,719 ล้านบาท ลดลง 304 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 5 - ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จำนวน 5,003 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 693 ล้านบาท หรือร้อยละ 16 โดยมีรายละเอียดแบ่งตามกลุ่มธุรกิจดังต่อไปนี้ รายได้รวม ค่าใช้จ่ายรวม และส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า หน่วย : ล้านบาท เอ็กโก ไอพีพี เอสพีพี 9M52 9M51 9M52 9M51 9M52 9M51 รายได้รวม 215 194 4,622 5,526 1,682 1,670 ค่าใช้จ่ายรวม 495 509 3,279 3,486 1,495 1,422 กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน)จากกิจการร่วมค้า (279) (314) 1,343 2,040 187 248 ส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า - - 4,418 4,041 251 292 กำไรสุทธิก่อน FX และ MI (279) (314) 5,760 6,081 438 540 หน่วย : ล้านบาท ต่างประเทศ อื่นๆ รวม 9M52 9M51 9M52 9M51 9M52 9M51 รายได้รวม - - 590 861 7,109 8,252 ค่าใช้จ่ายรวม - - 450 606 5,719 6,023 กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน)จากกิจการร่วมค้า - - 140 255 1,390 2,229 ส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า 341 (27) (6) 4 5,003 4,310 กำไรสุทธิก่อน FX และ MI 341 (27) 134 259 6,393 6,539 1) เอ็กโก มีรายได้รวมใน 9 เดือน ปี 2552 จำนวน 215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21 ล้านบาท หรือร้อยละ 11 โดยส่วนใหญ่เกิดจากเงินปันผลรับจาก บริษัทจัดการและพัฒนา ทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ ที่เพิ่มขึ้น 31 ล้านบาท ในขณะที่ดอกเบี้ยรับลดลงจำนวน 19 ล้านบาท เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ค่าใช้จ่ายรวมของ เอ็กโก จำนวนทั้งสิ้น 495 ล้านบาท ลดลง 14 ล้านบาท หรือร้อยละ 3 สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 49 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการ พัฒนาโครงการ และค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ลดลง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้น 35 ล้านบาท เนื่องจากดอกเบี้ยจากการเบิกเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 3,500 ล้านบาท เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2551 2) ธุรกิจไอพีพี มีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,622 ล้านบาท ลดลง 905 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 16 ค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 3,279 ล้านบาท ลดลง 207 ล้านบาท หรือร้อยละ 6 และ ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จำนวน 4,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 377 ล้าน บาท หรือร้อยละ 9 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ รายได้ ค่าใช้จ่าย และส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้าของธุรกิจไอพีพี: หน่วย : ล้านบาท บฟร. บฟข. บีแอลซีพี 9M52 9M51 9M52 9M51 9M52 9M51 รายได้รวม 2,846 2,921 1,776 2,605 - - ค่าใช้จ่ายรวม 1,842 1,815 1,438 1,671 - - กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน)จากกิจการร่วมค้า 1,004 1,106 338 934 - - ส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า - - - - 2,835 2,814 กำไรสุทธิก่อน FX และ MI 1,004 1,106 338 934 2,835 2,814 หน่วย : ล้านบาท จีพีจี รวม 9M52 9M51 9M52 9M51 %เปลี่ยนแปลง รายได้รวม - - 4,622 5,526 (16%) ค่าใช้จ่ายรวม - - 3,279 3,486 (6%) กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน)จากกิจการร่วมค้า - - 1,343 2,040 (34%) ส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า 1,584 1,227 4,418 4,041 9% กำไรสุทธิก่อน FX และ MI 1,584 1,227 5,760 6,081 (5%) * รายได้ค่าไฟฟ้าของธุรกิจไอพีพี จำนวน 4,559 ล้านบาท ลดลง 925 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 17 เนื่องจากรายได้ค่าไฟฟ้าของ บฟข. จำนวน 1,766 ล้านบาท ลดลง 815 ล้านบาท สาเหตุหลักจากอัตราค่าไฟฟ้า (Base Availability Credit) ที่ลดลง อีกทั้งรายได้ค่าไฟฟ้าของ บฟร. จำนวน 2,793 ล้านบาท ลดลง 110 ล้านบาท เนื่องจากอัตราค่าไฟฟ้าที่ลดลง (Capacity Rate) ทั้งนี้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสูตรค่าพลังไฟฟ้า ในลักษณะต้นทุนบวก กำไรส่วนเพิ่ม (Cost Plus) ที่ให้แก่ผู้ประกอบการภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) และ เป็นไปตามที่ได้ประมาณการไว้แล้ว รายได้ค่าไฟฟ้าธุรกิจไอพีพี: หน่วย : ล้านบาท 9M52 9M51 %เปลี่ยนแปลง บฟร. 2,793 2,903 (4%) บฟข. 1,766 2,581 (32%) รวมรายได้ค่าไฟฟ้า-ไอพีพี 4,559 5,485 (17%) สัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าในแต่ละปีเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายคงที่ คือ ค่าชำระหนี้และค่าบำรุงรักษาหลัก ซึ่งจะใช้อัตราดังกล่าวตามที่ได้ตกลงในสัญญา ซื้อขายไฟฟ้าในการคำนวณค่าไฟฟ้าในแต่ละงวด นอกจากนั้น ในการคำนวณรายได้ ค่าความพร้อมจ่ายพลังไฟฟ้า ได้รับการปรับเพื่อชดเชยผลกระทบที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน สำหรับภาระค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงินและค่าอะไหล่ที่ใช้ในการบำรุงรักษาหลักที่เป็นสกุล ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง บฟร. และ บฟข. จะได้รับการชดเชยทุกเดือนตามงวดกำหนดชำระค่า ไฟฟ้า โดยจะได้รับค่าพลังไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จากที่เคยกำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าก่อน การเพิ่มเติมเงื่อนไขการปรับตามอัตราแลกเปลี่ยนเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนสูงกว่าระดับ 28 บาท ต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐ และได้รับค่าพลังไฟฟ้าลดลงเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนต่ำกว่าระดับ 28 บาท ต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ใน 9 เดือน ปี 2552 รายได้ค่าไฟฟ้าจาก บฟร. และ บฟข. ได้รวมส่วนค่าไฟฟ้าที่ได้รับชดเชยผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงิน 168 ล้านบาท * รายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ จำนวน 62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21 ล้าน บาท หรือร้อยละ 50 สาเหตุหลักจาก บฟร. มีรายได้อื่นๆเพิ่มขึ้น 38 ล้านบาท จากรายได้ ค่าบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ดอกเบี้ยรับของ บฟข. ลดลง 15 ล้านบาท เนื่องจาก จำนวนเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง * ต้นทุนขาย จำนวน 2,335 ล้านบาท ลดลง 194 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 8 จากต้นทุน ขายของ บฟร. ที่ลดลง จำนวน 131 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาหลักที่ลดลง และ ต้นทุนขายของ บฟข. ที่ลดลง 63 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาหลัก และค่าน้ำมัน เตาลดลง ต้นทุนขายธุรกิจไอพีพี: หน่วย : ล้านบาท 9M52 9M51 %เปลี่ยนแปลง บฟร. 1,269 1,400 (9%) บฟข. 1,066 1,129 (6%) รวมต้นทุนขาย-ไอพีพี 2,335 2,530 (8%) * ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 766 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 11 สาเหตุหลักจากการสำรองค่าวัสดุสำรองคลังล้าสมัยของ บฟร. และ บฟข. เพิ่มขึ้น 98 ล้านบาท และภาษีเงินได้ของ บฟร. เพิ่มขึ้น 90 ล้านบาท หรือร้อยละ 30 เนื่องจากการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการลงทุนผลิตไฟฟ้า ในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติ ได้สิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2551 ในขณะที่ ภาษีเงิน ได้ของ บฟข. ลดลง 109 ล้านบาท หรือร้อยละ 65 เนื่องจากรายได้ที่ลดลง สำหรับ บฟข. ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการลงทุนผลิตไฟฟ้าในอัตรา ร้อยละ 50 ของอัตราปกติ เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งสิ้นสุด ในวันที่ 25 กันยายน 2552 * ค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 178 ล้านบาท ลดลง 91 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 34 เนื่องจาก บฟข. ได้ชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศหมดเมื่อเดือนมิถุนายน 2551 และจำนวนหุ้นกู้ ที่ลดลง * ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า คือ บีแอลซีพี และ จีพีจี จำนวน 4,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 377 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 9 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของ รายได้ค่าไฟฟ้าของ จีพีจี และ บีแอลซีพี 3) ธุรกิจเอสพีพี มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,682 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 1 ค่าใช้จ่ายรวม จำนวน 1,495 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 5 และ ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จำนวน 251 ล้านบาท ลดลง 41 ล้านบาท หรือร้อยละ 14 โดยมีรายละเอียดดังนี้ รายได้ ค่าใช้จ่าย และส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้าของธุรกิจเอสพีพี: หน่วย : ล้านบาท เอ็กโก โคเจน ร้อยเอ็ด กรีน จีอีซี (ไม่รวม จีพีจี) 9M52 9M51 9M52 9M51 9M52 9M51 รายได้รวม 1,454 1,456 228 215 - - ค่าใช้จ่ายรวม 1,381 1,309 115 113 - - กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร (ยังมีต่อ)