10 พฤศจิกายน 2552
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ไตรมาส 3/2552
(ขาดทุน)จากกิจการร่วมค้า 73 147 113 102 - -
ส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน)
จากกิจการร่วมค้า - - - - 251 250
กำไรสุทธิก่อน FX และ MI 73 147 113 102 251 250
หน่วย : ล้านบาท
เอพีบีพี รวม
และ เออีพี *
9M52 9M51 9M52 9M51 %เปลี่ยนแปลง
รายได้รวม - - 1,682 1,670 1%
ค่าใช้จ่ายรวม - - 1,495 1,422 5%
กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร
(ขาดทุน)จากกิจการร่วมค้า - - 187 248 (25%)
ส่วนแบ่งผลกำไร(ขาดทุน)
จากกิจการร่วมค้า - 41 251 292 (14%)
กำไรสุทธิก่อน FX และ MI - 41 438 540 (19%)
* ได้ขาย เอพีบีพี และ เออีพี ในเดือนพฤษภาคม 2551
* รายได้ค่าไฟฟ้าของธุรกิจเอสพีพี เป็นจำนวนรวม 1,674 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18 ล้าน
บาท หรือ ร้อยละ 1 ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของ ร้อยเอ็ด กรีน จำนวน 15
ล้านบาท เนื่องจากค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Charge) ที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันเตาที่ปรับตัว
สูงขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับสูตรค่าไฟ และ เอ็กโก โคเจน มีรายได้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาท
เนื่องจากรายได้ค่าไฟฟ้าที่ขายให้ กฟผ. เพิ่มขึ้น จากค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น
รายได้ค่าไฟฟ้าธุรกิจเอสพีพี:
หน่วย : ล้านบาท
9M52 9M51 %เปลี่ยนแปลง
เอ็กโก โคเจน 1,450 1,446 0.22%
ร้อยเอ็ด กรีน 225 210 7%
รวมรายได้ค่าไฟฟ้า-เอสพีพี 1,674 1,657 1%
* รายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ จำนวน 8 ล้านบาท ลดลง 6 ล้านบาท
หรือร้อยละ 44 สาเหตุหลักเกิดจากดอกเบี้ยรับของ เอ็กโก โคเจน ที่ลดลง
* ต้นทุนขาย จำนวน 1,407 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72 ล้านบาท หรือร้อยละ 5 สาเหตุ
หลักจากต้นทุนขายของ เอ็กโก โคเจน เพิ่มขึ้น 71 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายในการซ่อม
บำรุงรักษาหลักที่เพิ่มขึ้น
ต้นทุนขายธุรกิจเอสพีพี:
หน่วย : ล้านบาท
9M52 9M51 %เปลี่ยนแปลง
เอ็กโก โคเจน 1,301 1,231 6%
ร้อยเอ็ด กรีน 105 103 2%
รวมต้นทุนขาย-เอสพีพี 1,407 1,334 5%
* ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 4
* ค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 2
เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
* ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า คือ จีอีซี (ไม่รวม จีพีจี) จำนวน
251 ล้านบาท แตกต่างจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย
นอกจากนี้ได้ขายหุ้นใน เอพีบีพี และ เออีพี ในเดือนพฤษภาคม 2551
4) ธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าต่างประเทศ มีส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า
คือ โคแนล เอ็นทีพีซี และ เคซอน จำนวน 341 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 367 ล้านบาท สาเหตุหลัก
เกิดจากการรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจาก เคซอน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551
5) ธุรกิจอื่นๆ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 590 ล้านบาท ลดลง 271 ล้านบาท หรือ ร้อยละ
31 ค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 450 ล้านบาท ลดลง 157 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 26 และส่วนแบ่ง
ผลขาดทุนในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จำนวน 6 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน
ของปีก่อนซึ่งมีส่วนแบ่งผลกำไรฯ จำนวน 4 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
รายได้ ค่าใช้จ่าย และส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้าของธุรกิจอื่นๆ:
หน่วย : ล้านบาท
เอสโก* เอ็กคอมธารา เอ็นอีดี
9M52 9M51 9M52 9M51 9M52 9M51
รายได้รวม 389 683 201 178 - -
ค่าใช้จ่ายรวม 356 553 94 54 - -
กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร
(ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า 33 131 107 124 - -
ส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน)
จากกิจการร่วมค้า - 4 - - (6) -
กำไรสุทธิก่อน FX และ MI 33 134 107 124 (6) -
หน่วย : ล้านบาท
รวม
9M52 9M51 %เปลี่ยนแปลง
รายได้รวม 590 861 (31%)
ค่าใช้จ่ายรวม 450 606 (26%)
กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร
(ขาดทุน) จากกิจการร่วมค้า 140 255 (45%)
ส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน)
จากกิจการร่วมค้า (6) 4 N.A.
กำไรสุทธิก่อน FX และ MI 134 259 (48%)
* ได้ขาย อเมสโก ในเดือนพฤษภาคม 2551
* รายได้ค่าบริการ ของเอสโก จำนวน 382 ล้านบาท ลดลง 278 ล้านบาท หรือ ร้อย
ละ 42 สาเหตุหลักจากรายได้การให้บริการบำรุงรักษาและรายได้จากการขายอุปกรณ์
เครื่องจักรในการผลิตไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าต่างประเทศลดลง
* รายได้ค่าน้ำ ของเอ็กคอมธารา จำนวน 199 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 16 เนื่องจากอัตราค่าน้ำและปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำ (Minimum Take) ที่เพิ่มขึ้นตาม
สัญญาระยะยาวกับการประปาส่วนภูมิภาค
* รายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ จำนวน 10 ล้านบาท ลดลง 20 ล้านบาท
หรือร้อยละ 68 เนื่องจากในปี 2551 มีกำไรจากการขาย อเมสโก จำนวน 15 ล้านบาท
* ต้นทุนบริการ จำนวน 275 ล้านบาท ลดลง 185 ล้านบาท หรือร้อยละ 40 ซึ่ง
สัมพันธ์กับรายได้ที่ลดลง
* ต้นทุนขายน้ำประปา จำนวน 57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 7 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 14
* ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22 ล้านบาท
หรือ ร้อยละ 22 สาเหตุหลักจาก เอสโก เสียค่าปรับจากการหยุดงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าแกลบ
จำนวน 37 ล้านบาท และภาษีเงินได้ของ เอ็กคอม ธารา ที่เพิ่มขึ้น 33 ล้านบาท เนื่องจากการ
ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้สิ้นสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ในขณะที่ภาษีเงินได้ของ
เอสโก ลดลง 47 ล้านบาท จากรายได้ที่ลดลง
* ส่วนแบ่งผลขาดทุนในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จากการลงทุนใน เอ็นอีดี ซึ่ง
เป็นบริษัทพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย เมื่อเดือนกรกฎาคม 2552 ทำให้
มีการรับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนฯ จำนวน 6 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ซึ่งมีส่วนแบ่งผลกำไรฯ ของ เอสโก อันได้แก่ อเมสโก จำนวน 4 ล้านบาท และภายหลังได้มี
การขาย อเมสโกไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2551
4. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน
4.1 การวิเคราะห์สินทรัพย์
ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 เอ็กโก บริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า มี
สินทรัพย์รวมจำนวน 65,457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,127 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับ
สิ้นปี 2551 โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้
1) เงินสด เงินฝากสถาบันการเงิน เงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของ
ตลาด ทั้งระยะสั้นและระยะยาว จำนวน 10,566 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16 ของ
สินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 4,534 ล้านบาท หรือร้อยละ 75 สาเหตุหลักจากการที่ เอ็กโก ได้เบิก
เงินกู้ระยะยาว จำนวน 4,000 ล้านบาท ได้รับเงินปันผลจากกิจการร่วมค้า 2,300 ล้านบาท
เงินปันผลจากอีสท์ วอเตอร์ 109 ล้านบาท ราคาตลาดของอีสท์ วอเตอร์ที่ปรับเพิ่มขึ้น 266
ล้านบาท และได้เงินสดรับสุทธิจากการดำเนินงาน 2,630 ล้านบาท ในขณะที่จ่ายเงินปันผล
ให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 2,670 ล้านบาท มีการลงทุนในกิจการร่วมค้า จำนวน 1,279 ล้านบาท
และมีการจ่ายชำระเงินต้นและดอกเบี้ยของหุ้นกู้และเงินกู้ 953 ล้านบาท
2) เงินลงทุนระยะสั้นและระยะยาวที่ใช้เป็นหลักประกัน จำนวน 1,368 ล้านบาท
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 201 ล้านบาท หรือร้อยละ 17 สาเหตุหลัก
จากการสำรองเงินไว้สำหรับการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบกำหนดชำระคืนของ บฟข.
3) เงินลงทุนในบริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ณ วันที่ 30 กันยายน
2552 ส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสียตามงบการเงินรวม มีมูลค่าตาม
บัญชี เท่ากับ 28,379 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 43 ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 3,885
ล้านบาท หรือร้อยละ 16 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญได้แก่
3.1) การเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย จำนวน 5,600
ล้านบาท
3.2) การเพิ่มทุนของกิจการร่วมค้า จำนวน 8 ล้านบาท
3.3) การโอนย้ายหนี้สินสุทธิมาเป็นส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จำนวน 452
ล้านบาท
3.4) ได้รับเงินปันผลจาก บีแอลซีพี จีอีซี โคแนล และเคซอน จำนวน 2,366
ล้านบาท
3.5) การได้มาซึ่งกิจการร่วมค้า จำนวน 483 ล้านบาท
3.6) ขาดทุนจากการแปลงค่างบการเงินของบริษัทที่อยู่ในต่างประเทศ จำนวน 293
ล้านบาท
สำหรับเงินลงทุนในบริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ซึ่งบันทึกโดยใช้ราคา
ทุนเดิมเป็นราคาเริ่มต้น ตามงบการเงินเฉพาะบริษัท มีมูลค่าตามบัญชี ณ 30 กันยายน
2552 เท่ากับ 35,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,328 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจาก เอ็กโก มีการ
ลงทุนเพิ่มในบริษัทเอ็กโก อินเตอร์เนชั่นแนล (บีวีไอ) หรือ เอ็กโก บีวีไอ และเอ็นทีพีซี
4) ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (สุทธิ) จำนวน 15,588 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ
24 ของสินทรัพย์รวม ลดลงสุทธิทั้งสิ้น 1,452 ล้านบาท หรือร้อยละ 9 สินทรัพย์ที่ลดลงส่วน
ใหญ่มาจาก การตัดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ เอ็กโก และบริษัทย่อยอื่นๆ จำนวน 1,653
ล้านบาท และการโอนวัสดุสำรองหลักที่ไม่ใช้งานออกไปยังวัสดุสำรองคลังของ บฟร. เอ็กโก
โคเจน และ บฟข. จำนวน 199 ล้านบาท ในขณะที่มีการบันทึกวัสดุสำรองหลักเป็นสินทรัพย์
เนื่องจากการซ่อมบำรุงรักษาของ บฟร. เอ็กโก โคเจน และ บฟข. จำนวน 273 ล้านบาท
และซื้อสุทธิของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ จำนวน 126 ล้านบาท
5) สินทรัพย์อื่นๆ จำนวน 9,557 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15 ของสินทรัพย์รวม
ลดลง 40 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.42 สาเหตุหลักจากวัสดุสำรองคลังของ บฟร. ลดลง 140
ล้านบาท ในขณะที่ลูกหนี้การค้าของ เอสโก เอ็กโก โคเจน และ เอ็กคอม ธารา เพิ่มขึ้น 84
ล้านบาท
4.2 การวิเคราะห์หนี้สิน
ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 กลุ่มเอ็กโกมีหนี้สินรวม จำนวน 15,890 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 จำนวน 3,102 ล้านบาท หรือร้อยละ 24 ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1) เงินกู้ยืมระยะสั้น จำนวน 3,500 ล้านบาท หรือร้อยละ 22 ของหนี้สินรวม เกิดจาก
การที่ เอ็กโก ได้เบิกเงินกู้ยืม ตามสัญญาสินเชื่อตั๋วสัญญาใช้เงินกับธนาคารพาณิชย์ไทยแห่ง
หนึ่ง เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551
2) เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ จำนวน 11,145 ล้านบาท หรือร้อยละ 70 ของหนี้สิน
รวม เพิ่มขึ้น 3,375 ล้านบาท หรือร้อยละ 43 สาเหตุหลักเกิดจากการที่ เอ็กโก ได้เบิกเงิน
กู้ยืม ตามสัญญาเงินกู้ระยะยาวกับธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งหนึ่ง จำนวน 4,000 ล้านบาท
ในขณะที่มีการชำระคืนหุ้นกู้ของ บฟข. และเงินกู้ของ เอ็กโก โคเจน และร้อยเอ็ด กรีน โดยมี
รายละเอียดเป็นเงินตราสกุลต่างๆ ดังนี้
- เงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เงินกู้สกุลเยน จำนวน 671 ล้านเยน
- เงินกู้สกุลบาท จำนวน 8,536 ล้านบาท
- หุ้นกู้สกุลบาท จำนวน 1,830 ล้านบาท
กำหนดชำระคืนเงินกู้ระยะยาวและหุ้นกู้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2552
หน่วย : ล้านบาท
กำหนดชำระคืน เอ็กโก บฟข. เอ็กโก โคเจน ร้อยเอ็ด กรีน
ภายใน 1 ปี - 864 154 38
1-5 ปี - 966 910 154
เกินกว่า 5 ปี 8,000 - - 59
รวม 8,000 1,830 1,064 251
ทั้งนี้เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ค้ำประกันโดยการจำนองที่ดิน อาคาร โรงไฟฟ้า และ
เครื่องจักรของบริษัทย่อย นอกจากนี้บริษัทย่อยได้กันเงินสำรองเพื่อการชำระคืนเงินต้นและ
จ่ายดอกเบี้ยที่จะครบกำหนดชำระคืนภายใน 1 ปี ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 มีจำนวนรวม
536 ล้านบาท
3) หนี้สินอื่นๆ จำนวน 1,245 ล้านบาท หรือร้อยละ 8 ของหนี้สินรวม ลดลง 273
ล้านบาท หรือร้อยละ 18 สาเหตุหลักเนื่องจากภาษีเงินได้ค้างจ่ายของ บฟร. บฟข. และ
เอสโก ที่ลดลง
4.3 การวิเคราะห์ส่วนของผู้ถือหุ้น
ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 ส่วนของผู้ถือหุ้น มีจำนวน 49,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
จากสิ้นปี 2551 จำนวน 4,025 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9 เนื่องจากปัจจัยหลักคือ กำไรสุทธิ
จากผลการดำเนินงานตามงบการเงินรวม จำนวน 6,655 ล้านบาท ในขณะที่มีการจัดสรรเงิน
ปันผลจำนวน 2,632 ล้านบาท
จากการวิเคราะห์โครงสร้างของเงินทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 สรุปได้ดังนี้
ส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 49,567 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 75.72
หนี้สิน จำนวน 15,890 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.28
สามารถคำนวณหา อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ ได้ดังนี้
- อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.32 เท่า สูงกว่าสิ้นปี 2551 ซึ่งเท่ากับ
0.28 เท่า
- มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์สุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 93.18 บาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551
ซึ่งอยู่ที่ระดับ 85.60 บาท
5. รายงานการวิเคราะห์กระแสเงินสด
งบกระแสเงินสดแสดงกระแสเงินสดที่เปลี่ยนแปลงจากกิจกรรมดำเนินงาน กิจกรรม
ลงทุน และกิจกรรมจัดหาเงิน ณ สิ้นงวดบัญชี และแสดงเงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือ
สิ้นงวด ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 เงินสดและรายการเทียบเท่าคงเหลือ มีจำนวน 9,244
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 ทั้งสิ้น 4,265 ล้านบาท ซึ่งมีรายละเอียดของแหล่งที่มาและ
แหล่งที่ใช้ไปของเงินดังต่อไปนี้
- เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน จำนวน 2,781 ล้านบาท มาจาก
เงินสดที่ได้มาจากการดำเนินงาน 3,909 ล้านบาท เงินสดใช้ไปสำหรับเงินทุนหมุนเวียน 638
ล้านบาท และจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล 490 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมลงทุน จำนวน 1,107 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจาก
เงินปันผลจากกิจการร่วมค้า จำนวน 2,300 ล้านบาท และเงินปันผลจากอีสท์วอเตอร์ 109
ล้านบาท ในขณะที่มีการลงทุนในกิจการร่วมค้า จำนวน 1,279 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมจัดหาเงิน จำนวน 377 ล้านบาท เกิดจากการที่
เอ็กโก ได้เบิกเงินกู้ยืม ตามสัญญาเงินกู้ระยะยาวกับธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งหนึ่ง จำนวน
4,000 ล้านบาท ในขณะที่จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 2,670 ล้านบาท และการชำระ
คืนเงินต้นและดอกเบี้ยของหุ้นกู้และเงินกู้ของ เอ็กโก บฟข. เอ็กโก โคเจน และ ร้อยเอ็ด กรีน
รวมทั้งสิ้น 952 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 บผฟ. มีอัตราส่วนสภาพคล่อง (Liquidity Ratio) ที่
สำคัญ ดังนี้
- อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) อยู่ที่ 3.45 เท่า เทียบกับสิ้นปี 2551 ซึ่ง
เท่ากับ 2.58 เท่า
- อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (Quick Ratio) อยู่ที่ 2.19 เท่า เทียบกับสิ้นปี 2551
ซึ่งเท่ากับ 1.34 เท่า