11 สิงหาคม 2553
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ไตรมาส 2/2553
ต้นทุนขายธุรกิจเอสพีพี: หน่วย : ล้านบาท
1H53 1H52 %เปลี่ยนแปลง
เอ็กโกโคเจน 842 870 (3%)
ร้อยเอ็ดกรีน 76 67 13%
รวมต้นทุนขาย-เอสพีพี 918 937 (2%)
* ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 26 จากค่าใช้จ่ายในการบริหารของ เอ็กโกโคเจนที่เพิ่มขึ้น
* ค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 38 ล้านบาท ลดลง 7 ล้านบาท หรือ ร้อยละ
15 เนื่องจากจำนวนเงินต้นที่ลดลงของเอ็กโกโคเจน
* ส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้าก่อน FX คือ จีซีซี เอ็นเคซีซี
เอสซีซี จีวายจี และ เอ็นอีดี จำนวน 127 ล้านบาท ลดลง 36 ล้านบาท หรือร้อยละ 22
สาเหตุหลักจากรายได้ค่าไฟของ เอสซีซี ลดลงจากการหยุดซ่อมตามแผน
4) ธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าต่างประเทศ มีส่วนแบ่งผลกำไรในส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า
ก่อน FX คือ โคแนล เอ็นทีพีซี และ เคซอน จำนวน 829 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 662 ล้านบาท
หรือร้อยละ 396 สาเหตุหลักเกิดจากรายได้ค่าไฟฟ้าของ เอ็นทีพีซี ที่เพิ่มขึ้นจากการ
เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2553
5) ธุรกิจอื่นๆ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 396 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 7
ค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 287 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 13 โดยมีรายละ
เอียดดังต่อไปนี้
รายได้รวม ค่าใช้จ่ายรวม และส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน)ในกิจการร่วมค้าก่อน FX ของธุรกิจอื่นๆ:
หน่วย : ล้านบาท
เอสโก เอ็กคอมธารา/4 รวม
1H53 1H52 1H53 1H52 1H53 1H52 %เปลี่ยนแปลง
รายได้รวม 266 236 130 133 396 369 7%
ค่าใช้จ่ายรวม 220 195 67 59 287 254 13%
กำไรก่อนส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) 46 41 63 74 109 115 (5%)
ส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) ในกิจการร่วมค้าก่อน FX
- - - - - - -
กำไรสุทธิก่อน FX และ MI 46 41 63 74 109 115 (5%)
/4 :เอสโกซื้อหุ้นเพิ่มใน เอ็กคอมธารา ในเดือนมกราคม 2553 ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้น
เป็นร้อยละ 74.19
* รายได้ค่าบริการ ของเอสโก จำนวน 262 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30 ล้านบาท หรือ ร้อยละ
13 สาเหตุหลักจากรายได้การให้บริการบำรุงรักษาและรายได้จากการขายอุปกรณ์เครื่องจักร
ในการผลิตไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น
* รายได้ค่าน้ำ ของเอ็กคอมธารา จำนวน 129 ล้านบาท ลดลง 2 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 2
* รายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ จำนวน 5 ล้านบาท ลดลง 1 ล้านบาท
หรือร้อยละ 14 จากดอกเบี้ยรับที่ลดลง
* ต้นทุนบริการ จำนวน 189 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29 ล้านบาท หรือร้อยละ 18
ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ค่าบริการที่เพิ่มขึ้น
* ต้นทุนขายน้ำประปา จำนวน 40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 ล้านบาท หรือร้อยละ 7
* ค่าใช้จ่ายในการบริหารและภาษี จำนวน 58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 2 สาเหตุหลักจากภาษีเงินได้ของ เอ็กคอมธารา ที่เพิ่มขึ้น 5 ล้านบาท เนื่องจาก
การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้สิ้นสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2552
4. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน
4.1 การวิเคราะห์สินทรัพย์
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 เอ็กโก บริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า
มีสินทรัพย์รวมจำนวน 64,991 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,072 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 3
เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2552 โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้
1) เงินสด เงินฝากสถาบันการเงิน เงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของ
ตลาด ทั้งระยะสั้นและระยะยาว จำนวน 10,251 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16
ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 2,328 ล้านบาท หรือร้อยละ 29 สาเหตุหลักจากได้รับ
เงินปันผลจากกิจการร่วมค้า จำนวน 2,114 ล้านบาท ได้เงินสดรับจากการดำเนินงาน
จำนวน 2,478 ล้านบาท และเงินฝากสถาบันการเงินจำนวน 628 ล้านบาท ในขณะที่มี
การจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 1,480 ล้านบาท จ่ายชำระคืนหุ้นกู้ เงินต้นและ
ดอกเบี้ยของเงินกู้รวมทั้งสิ้น 862 ล้านบาท และลงทุนในกิจการร่วมค้า จำนวน 381
ล้านบาท
2) เงินลงทุนระยะสั้นและระยะยาวที่ใช้เป็นหลักประกัน จำนวน 837 ล้านบาท
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1 ของสินทรัพย์รวม ลดลง 110 ล้านบาท หรือร้อยละ 12
สาเหตุหลักจากการไถ่ถอนเงินฝากสถาบันการเงินที่ใช้เป็นหลักประกันของเอ็กโก ในขณะที่
บฟข. สำรองเงินไว้สำหรับการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบกำหนดชำระคืน
3) เงินลงทุนในบริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ณ วันที่ 30 มิถุนายน
2553 ส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสียตามงบการเงินรวม
มีมูลค่าตามบัญชี เท่ากับ 29,046 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45 ของสินทรัพย์รวม
เพิ่มขึ้น 516 ล้านบาท หรือร้อยละ 2 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญได้แก่
3.1) การเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย
จำนวน 3,541 ล้านบาท
3.2) การเพิ่มทุนของกิจการร่วมค้า จำนวน 190 ล้านบาท
3.3) การโอนย้ายภาระหนี้สินสุทธิมาเป็นส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า
จำนวน 151 ล้านบาท
3.4) ได้รับเงินปันผลจาก จีอีซี บีแอลซีพี เคซอน และ โคแนล จำนวน
3,179 ล้านบาท
3.5) ขาดทุนจากการแปลงค่างบการเงินของบริษัทที่อยู่ในต่างประเทศ
จำนวน 183 ล้านบาท
3.6) การรับเงินคืนจาก Lao Holding State Enterprise (LHSE)
ที่ เอ็กโกได้ชำระเงินลงทุนครั้งแรกใน เอ็นทีพีซี แทน จำนวน
4 ล้านบาท
สำหรับเงินลงทุนในบริษัทย่อยและส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า ซึ่งบันทึกโดยใช้
ราคาทุนเดิมเป็นราคาเริ่มต้น ตามงบการเงินเฉพาะบริษัท มีมูลค่าตามบัญชี ณ
30 มิถุนายน 2553 เท่ากับ 32,570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 351 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุ
หลักจาก เอ็กโกมีการลงทุนเพิ่มใน เอ็นทีพีซี และ เอ็นอีดี
4) ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (สุทธิ) จำนวน 14,079 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน
ร้อยละ 22 ของสินทรัพย์รวม ลดลงสุทธิทั้งสิ้น 988 ล้านบาท หรือร้อยละ 7 สินทรัพย์
ที่ลดลงส่วนใหญ่มาจาก การตัดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ เอ็กโก และบริษัทย่อยอื่นๆ จำนวน
1,095 ล้านบาท และการโอนวัสดุสำรองหลักที่ถูกเปลี่ยนแทนออกไปยังวัสดุสำรองคลังของ
บฟข. และ โรงไฟฟ้าระยอง จำนวน 108 ล้านบาท ในขณะที่มีการบันทึกวัสดุสำรองหลัก
เป็นสินทรัพย์เนื่องจากการซ่อมบำรุงรักษาของ บฟข. และ โรงไฟฟ้าระยอง จำนวน
180 ล้านบาท และซื้อสุทธิของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 35 ล้านบาท
5) สินทรัพย์อื่นๆ จำนวน 10,778 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17 ของสินทรัพย์รวม
เพิ่มขึ้น 326 ล้านบาท หรือร้อยละ 3 สาเหตุหลักจากเงินปันผลค้างรับจากกิจการร่วมค้า
เพิ่มขึ้น 1,065 ล้านบาท ขณะที่ลูกหนี้การค้าบริษัทที่เกี่ยวข้องลดลง 517 ล้านบาท และวัสดุ
สำรองคลังลดลง 188 ล้านบาท
4.2 การวิเคราะห์หนี้สิน
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 กลุ่มเอ็กโกมีหนี้สินรวม จำนวน 11,028 ล้านบาท
ลดลงจากสิ้นปี 2552 จำนวน 798 ล้านบาท หรือร้อยละ 7 ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1) เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ จำนวน 10,166 ล้านบาท หรือร้อยละ 92 ของ
หนี้สินรวม ลดลง 550 ล้านบาท หรือร้อยละ 5 สาเหตุหลักเกิดจากการชำระหนี้เงินกู้ของ
เอ็กโกโคเจน และร้อยเอ็ดกรีน และหุ้นกู้ของ บฟข. โดยมีรายละเอียดเป็นเงินตราสกุล
ต่างๆ ดังนี้
- เงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เงินกู้สกุลเยน จำนวน 616 ล้านเยน
- เงินกู้สกุลบาท จำนวน 8,507 ล้านบาท
- หุ้นกู้สกุลบาท จำนวน 966 ล้านบาท
กำหนดชำระคืนเงินกู้ระยะยาวและหุ้นกู้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 หน่วย : ล้านบาท
กำหนดชำระคืน เอ็กโก บฟข. เอ็กโกโคเจน ร้อยเอ็ดกรีน
ภายใน 1 ปี - 966 179 37
1-5 ปี 4,000 - 793 152
เกินกว่า 5 ปี 4,000 - - 39
รวม 8,000 966 972 228
ทั้งนี้เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ของบริษัทย่อยค้ำประกันโดยการจำนองที่ดิน อาคาร
โรงไฟฟ้า และเครื่องจักรของบริษัทย่อยนั้นๆนอกจากนี้บริษัทย่อยได้กันเงินสำรองเพื่อการ
ชำระคืนเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยที่จะครบกำหนดชำระคืนภายใน 1 ปี ณ วันที่ 30 มิถุนายน
2553 มีจำนวนรวม 329 ล้านบาท
2) หนี้สินอื่นๆ จำนวน 862 ล้านบาท หรือร้อยละ 8 ของหนี้สินรวม ลดลง 248
ล้านบาท หรือร้อยละ 22 สาเหตุหลักจากโบนัสค้างจ่ายของ เอ็กโก โรงไฟฟ้าระยอง
และบริษัทย่อยลดลง
4.3 การวิเคราะห์ส่วนของผู้ถือหุ้น
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 ส่วนของผู้ถือหุ้น มีจำนวน 53,963 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
จากสิ้นปี 2552 จำนวน 2,870 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6 เนื่องจากปัจจัยหลักคือ
กำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานตามงบการเงินรวม จำนวน 4,346 ล้านบาท ในขณะที่มี
การจัดสรรเงินปันผลจำนวน 1,447 ล้านบาท
จากการวิเคราะห์โครงสร้างของเงินทุน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 สรุปได้ดังนี้
ส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 53,963 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 83.03
หนี้สิน จำนวน 11,028 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16.97
สามารถคำนวณหา อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ ได้ดังนี้
- อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.20 เท่า ต่ำกว่าสิ้นปี 2552 ซึ่ง
เท่ากับ 0.23 เท่า
- มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์สุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 101.54 บาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2552
ซึ่งอยู่ที่ระดับ 96.06 บาท
5. รายงานการวิเคราะห์กระแสเงินสด
งบกระแสเงินสดแสดงกระแสเงินสดที่เปลี่ยนแปลงจากกิจกรรมดำเนินงาน
กิจกรรมลงทุน และกิจกรรมจัดหาเงิน ณ สิ้นงวดบัญชี และแสดงเงินสดและรายการ
เทียบเท่าคงเหลือสิ้นงวด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 เงินสดและรายการเทียบเท่า
คงเหลือ มีจำนวน 7,389 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2552 ทั้งสิ้น 1,534 ล้านบาท
ซึ่งมีรายละเอียดของแหล่งที่มาและแหล่งที่ใช้ไปของเงินดังต่อไปนี้
- เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน จำนวน 2,693 ล้านบาท มาจาก
เงินสดที่ได้มาจากการดำเนินงาน 2,478 ล้านบาท และเงินสดได้มาสำหรับเงินทุน
หมุนเวียน 215 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมลงทุน จำนวน 1,185 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจาก
เงินปันผลจากกิจการร่วมค้า และบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก
จำกัด (มหาชน) (อีสท์ วอเตอร์) เป็นจำนวน 2,114 ล้านบาท และ 78 ล้านบาท
ตามลำดับ ในขณะที่ลงทุนในเงินฝากสถาบันการเงิน จำนวน 628 ล้านบาท และลงทุน
ในบริษัทย่อยและกิจการร่วมค้า จำนวน 383 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิที่ใช้ไปสำหรับกิจกรรมจัดหาเงิน จำนวน 2,344 ล้านบาท เกิดจาก
การจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น 1,480 ล้านบาท ชำระคืนหุ้นกู้ บฟข. จำนวน 444
ล้านบาท ชำระคืนเงินกู้ เอ็กโกโคเจน และ ร้อยเอ็ดกรีน รวมทั้งสิ้น 97 ล้านบาท
และการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้จำนวน 321 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 บผฟ. มีอัตราส่วนสภาพคล่อง (Liquidity Ratio)
ที่สำคัญ ดังนี้
- อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) อยู่ที่ 10.44 เท่า เทียบกับปี 2552
ซึ่งเท่ากับ 8.30 เท่า
- อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (Quick Ratio) อยู่ที่ 5.64 เท่า เทียบกับปี 2552
ซึ่งเท่ากับ 4.35 เท่า
สาเหตุหลักที่อัตราส่วนทั้งสองของปี 2553 สูงกว่าปี 2552 เนื่องจากได้รับเงินปันผล
จากกิจการร่วมค้า