เอ็กโก กรุ๊ป รุกลงทุนต่างประเทศ ขยายพอร์ตธุรกิจไฟฟ้าต่อเนื่อง

ข่าวสารและความเคลื่อนไหว

เอ็กโก กรุ๊ป รุกลงทุนต่างประเทศ ขยายพอร์ตธุรกิจไฟฟ้าต่อเนื่อง

25 พฤศจิกายน 2558

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป มุ่งสู่การเป็นบริษัทพลังงานในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งในอาเซียนและเอเชียแปซิฟิกต่อเนื่อง คาดภายในปี 2560 จะสามารถทำกำไรได้ในระดับ 10,000 ล้านบาท

นายชนินทร์ เชาวน์นิรัติศัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจในโอกาสเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ว่า “เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญ โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทพลังงานในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมรักษาอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อย่างน้อยร้อยละ 10 โดยขับเคลื่อนธุรกิจด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ การบริหารจัดการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เดินเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การบริหารจัดการโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดและงบประมาณที่วางไว้ และการแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ โดยการซื้อสินทรัพย์ที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วเพื่อให้บริษัทฯ รับรู้รายได้ทันที พัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่โรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน และลงทุนในโครงการประเภท Greenfield เพื่อสร้างรายได้ในระยะยาว”

“ในการทำธุรกิจในช่วง 2 ปีข้างหน้า บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว ได้แก่ ฟิลิปปินส์ และ สปป.ลาว รองลงมาคือ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย รวมถึงจะพิจารณาโอกาสการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนอื่น เช่น เมียนมาร์ เวียดนาม และมาเลเซีย โดยตั้งเป้าหมายให้มีสัดส่วนรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 50 จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 37 ในขณะที่บริษัทฯ มีความพร้อมเต็มที่สำหรับการลงทุนภายในประเทศหากมีโอกาส” นายชนินทร์ กล่าวเสริม

ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ใน 4 ประเทศ โดยมีโรงไฟฟ้าในต่างประเทศทั้งหมด 5 โรง ได้แก่ ในฟิลิปปินส์ มีโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2 โรง ได้แก่ โรงไฟฟ้า “เคซอน” ถือหุ้นร้อยละ 100 และโรงไฟฟ้า “มาซินลอค” ถือหุ้นร้อยละ 40.95 ขณะที่ในสปป.ลาว มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำ “น้ำเทิน 2” ถือหุ้นร้อยละ 35 ในอินโดนีเซีย มีโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ “สตาร์ เอนเนอร์ยี่” ถือหุ้นร้อยละ 20 และในออสเตรเลีย มีโรงไฟฟ้าพลังงานลม “โบโค ร็อค วินด์ฟาร์ม” ถือหุ้นร้อยละ 100 ซึ่งเป็นตัวอย่างความสำเร็จในการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในต่างประเทศของเอ็กโก กรุ๊ป ได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังมีโครงการในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า “ไซยะบุรี” ใน สปป.ลาว โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน “ซานบัวนาเวนทูรา” และ “มาซินลอค ส่วนขยาย” ในฟิลิปปินส์ รวมปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 505 เมกะวัตต์ โดยบริษัทฯ เตรียมเงินลงทุนสำหรับ 3 โครงการนี้ประมาณ 42,000 ล้านบาท

สำหรับแผนการลงทุนในประเทศ ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า “ขนอมหน่วยที่ 4” จ.นครศรีธรรมราช โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม “ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม” จ.ชัยภูมิ โครงการ “ทีพี โคเจน” และ “เอสเค โคเจน” จ.ราชบุรี และโครงการ “ทีเจ โคเจน” จ.ปทุมธานี ซึ่งจะทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2559-2562 รวมปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 1,338 เมกะวัตต์ ซึ่ง 5 โครงการนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 49,000 ล้านบาท นอกจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ป มีความพร้อมเต็มที่สำหรับโอกาสการลงทุนในประเทศ เช่น การลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งหากมีการเปิดประมูลโครงการโรงไฟฟ้า IPP รอบใหม่

นอกจากที่กล่าวมา ยังมีโครงการที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนประมาณ 6 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการในประเทศและโครงการในกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ สปป.ลาว เมียนมาร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

“จากแผนการดำเนินธุรกิจดังกล่าว คาดว่าจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานของเอ็กโก กรุ๊ป เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีทั้งในระยะสั้นและระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ หากการเติบโตเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ คาดว่าบริษัทฯ จะสามารถทำกำไรได้ในระดับ 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2560 นอกจากนี้ เพื่อรองรับการก้าวสู่การเป็นบริษัทพลังงานในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อ การบริหารจัดการองค์กร ให้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพและความสามารถของบุคลากรให้มีทักษะและความเชี่ยวชาญที่รองรับการเติบโตของธุรกิจ รวมทั้งการทบทวนวัฒนธรรมองค์กรและค่านิยมองค์กร ในขณะที่บริษัทจะยึดมั่นการดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” นายชนินทร์กล่าวสรุป

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของปี 2558 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีกำไรก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) และภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี จำนวน 2,662 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 512 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 24 ในขณะที่ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของ ปี 2558 บริษัทมีกำไรก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) และภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี จำนวน 6,561 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนผลการดำเนินงานที่แท้จริงของบริษัท

เกี่ยวกับเอ็กโก กรุ๊ป
ณ 30 กันยายน 2558 เอ็กโก กรุ๊ป มีโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว จำนวน 23 โรง คิดเป็นปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้น 3,795 เมกะวัตต์ ใน 5 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย และมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 7 โครงการ คิดเป็นปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้น 1,721 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงหลากหลายประเภท ทั้งก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ชีวมวล ขยะ พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานความร้อนใต้พิภพ