เอ็กโก กรุ๊ป โชว์ผลการดำเนินงาน ปี 2558 เติบโตต่อเนื่อง รุกขยายฐานการลงทุนต่างประเทศ

ข่าวสารและความเคลื่อนไหว

เอ็กโก กรุ๊ป โชว์ผลการดำเนินงาน ปี 2558 เติบโตต่อเนื่อง รุกขยายฐานการลงทุนต่างประเทศ

8 มีนาคม 2559

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ประกาศผลการดำเนินงานปี 2558 เติบโตต่อเนื่อง โดยมีกำไรกว่า 7.9 พันล้านบาท เผยทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2559 รุกขยายการลงทุนต่างประเทศที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว พร้อมขับเคลื่อน 3 กลยุทธ์ธุรกิจ เพื่อสร้างรายได้ระยะยาว คาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้จะเติบโตขึ้นอีก จากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 4 และโรงไฟฟ้าชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม

นายชนินทร์ เชาวน์นิรัติศัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานในปี 2558 ของ  เอ็กโก กรุ๊ป ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมจำนวน 179,812 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 จำนวน 19,125 ล้านบาท และมีกำไรก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี การรับรู้รายได้แบบสัญญาเช่าและสัญญาสัมปทาน และการด้อยค่า จำนวน 7,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 215 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไร 15.04 บาทต่อหุ้น โดยคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 ให้จ่ายเงินปันผล จากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2558 ในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท ซึ่งหากได้รับการอนุมัติ บริษัทจะจ่ายเงินปันผลตลอดปี 2558 ในอัตราหุ้นละ 6.25 บาท

สำหรับผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปี 2558 จนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วยการขยายการลงทุนในสินทรัพย์เดิมที่มีอยู่และพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่โรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ การซื้อหุ้นเพิ่มในบริษัท พัฒนาพลังงานธรรมชาติ จำกัด (NED) เจ้าของโรงไฟฟ้าลพบุรี โซลาร์ และโรงไฟฟ้าวังเพลิง โซลาร์ ส่งผลให้เอ็กโก กรุ๊ป เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ NED การซื้อหุ้นเพิ่มในบริษัท เคซอน เพาเวอร์ (ฟิลิปปินส์) จำกัด (QPL) ส่งผลให้บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้าเคซอน ในขณะที่โครงการโรงไฟฟ้า “ซานบัวนาเวนทูรา” ในประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับอนุมัติสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ส่วนโครงการโรงไฟฟ้า “มาซินลอค หน่วยที่ 3” ได้ลงนามสัญญาเงินกู้และเริ่มงานก่อสร้างแล้ว นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังรับรู้รายได้เพิ่มจากการขายหุ้นในบริษัท เอ็กคอมธารา จำกัด ด้วย

เปิดแผนธุรกิจปี 59 มุ่งขยายธุรกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีฐานเดิมอยู่แล้ว

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2559 นายชนินทร์ กล่าวว่า เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญ โดยขับเคลื่อนธุรกิจด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1) การบริหารจัดการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ให้เดินเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และการบริหารจัดการโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดและงบประมาณที่วางไว้ 2) การลงทุนในโครงการ Greenfield และการพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่โรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสร้างรายได้ระยะยาว 3) การซื้อสินทรัพย์ที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว เพื่อให้บริษัทฯ รับรู้รายได้ทันที

“บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจไปต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว ได้แก่ ฟิลิปปินส์ และ สปป.ลาว รองลงมาคือ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย รวมถึงจะพิจารณาโอกาสการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนอื่นๆ เช่น เมียนมา และเวียดนาม โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนกำไรจากการลงทุนในต่างประเทศเป็นร้อยละ 50 จากร้อยละ 37 ในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน เราก็พร้อมสำหรับการลงทุนภายในประเทศ โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน” นายชนินทร์กล่าว

ทุ่มงบลงทุนปี 59 กว่า 22,000 ล้านบาท สำหรับ 8 โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ

ในปีนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ได้เตรียมงบลงทุนไว้กว่า 22,000 ล้านบาท สำหรับ 8 โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งในและต่างประเทศ โดยในประเทศมี 5 โครงการ จะใช้เงินลงทุนประมาณ 15,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า “ขนอม หน่วยที่ 4” จ.นครศรีธรรมราช โครงการโรงไฟฟ้า “ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม” จ.ชัยภูมิ และโครงการ SPP 3 โครงการ รวมปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้น 1,338 เมกะวัตต์ ในขณะที่โครงการในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างดำเนินการ มี 3 โครงการ จะใช้เงินลงทุนประมาณ 7,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า “ไซยะบุรี” ใน สปป.ลาว โครงการโรงไฟฟ้า “ซานบัวนาเวนทูรา” ในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งได้วางศิลาฤกษ์และเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2558 และล่าสุดโครงการโรงไฟฟ้า “มาซินลอค หน่วยที่ 3” ในประเทศฟิลิปปินส์ ได้วางศิลาฤกษ์และเริ่มก่อสร้างแล้ว เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2559 รวมปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้น 431.68 เมกะวัตต์

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน “มาซินลอค หน่วยที่ 3” นั้น มีกำลังการผลิตติดตั้ง 335 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงไฟฟ้ามาซินลอคหน่วยที่ 1-2 ในจังหวัดแซมบาเลส ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเอ็กโก กรุ๊ป ถือหุ้นร่วมกับเออีเอส คอร์ปอร์เรชั่น (AES Corporation) และบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation: IFC) ในสัดส่วนร้อยละ 40.95, 51 และ 8.05 ตามลำดับ โดยคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในกลางปี 2562

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนอีก 5 โครงการทั้งภายในประเทศและในกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ สปป.ลาว เมียนมา อินโดนีเซีย และเวียดนาม ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มรายได้ให้บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

“เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าสร้างความเติบโตให้ธุรกิจอย่างต่อเนื่องตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ เพื่อรักษาอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อย่างน้อยร้อยละ 10 โดยในปีนี้คาดการณ์ผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นอีก เนื่องจากจะมีรายได้จากโรงไฟฟ้า “ขนอม หน่วยที่ 4” ซึ่งได้ขนานเครื่องเข้าระบบ เมื่อเดือนมกราคม 2559 ที่ผ่านมา และจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในวันที่ 19 มิถุนายน 2559 นี้ โดยจะจ่ายไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าขนอมเดิมที่จะสิ้นสุดสัญญา  ในวันเดียวกัน รวมทั้งจะมีรายได้จากโรงไฟฟ้า “ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม” ซึ่งจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในช่วงปลายปีนี้” นายชนินทร์ กล่าวสรุป

เกี่ยวกับเอ็กโก กรุ๊ป

ณ เดือนมีนาคม 2559 เอ็กโก กรุ๊ป มีโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว จำนวน 23 โรง คิดเป็นปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้น 3,808.94 เมกะวัตต์  ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย และมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 8 โครงการ คิดเป็นปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้น 1,769.68 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงหลากหลายประเภท  ทั้งก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ชีวมวล ขยะ พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานความร้อนใต้พิภพ