เอ็กโก กรุ๊ป โชว์กำไรไตรมาสแรก ปี 2561 พุ่งกว่า 2 หมื่นล้านบาท เดินหน้าขยายธุรกิจไฟฟ้าต่างประเทศ

ข่าวสารและความเคลื่อนไหว

เอ็กโก กรุ๊ป โชว์กำไรไตรมาสแรก ปี 2561 พุ่งกว่า 2 หมื่นล้านบาท เดินหน้าขยายธุรกิจไฟฟ้าต่างประเทศ

30 พฤษภาคม 2561

นายจักษ์กริช พิบูลย์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2561 ว่า เอ็กโก กรุ๊ป เติบโตต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิ จำนวน 20,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 17,208 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 581 จากผลประกอบการของโรงไฟฟ้าต่างๆ และการขายสินทรัพย์ 3 โครงการ 

“ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 เอ็กโก กรุ๊ป ได้ขายสินทรัพย์ 3 โครงการ ได้แก่ ขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดในอีสท์ วอเตอร์ บริษัท จีเดค จำกัด และโรงไฟฟ้ามาซินลอค ประเทศฟิลิปปินส์ ทำให้รับรู้กำไรทั้งสิ้น 14,162 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ดังกล่าวจะเตรียมไว้เพื่อการขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นในระยะยาว” นายจักษ์กริชกล่าว

ด้านโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 3 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้า “ไซยะบุรี” และ “น้ำเทิน 1” สปป.ลาว และโรงไฟฟ้า “ซานบัวนาเวนทูรา” ประเทศฟิลิปปินส์ มีความก้าวหน้าตามแผนงาน โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ ในปี 2562 และ 2565

สำหรับการดำเนินธุรกิจในปีนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ให้ความสำคัญกับการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กรและสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหุ้น ด้วยเป้าหมายที่จะรักษาอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อย่างน้อยร้อยละ 10 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญ โดยจะต่อยอดธุรกิจในต่างประเทศที่มีฐานอยู่แล้ว ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดหลัก รวมทั้ง สปป.ลาว และอินโดนีเซีย อีกทั้งแสวงหาโอกาสขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะโครงการพลังงานหมุนเวียน เพื่อเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนให้ได้ ร้อยละ 30 ภายในปี 2569 

เกี่ยวกับเอ็กโก กรุ๊ป 
ณ 30 พฤษภาคม 2561 เอ็กโก กรุ๊ป มีโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว จำนวน 26 แห่ง คิดเป็นปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้น  4,260 เมกะวัตต์  ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 3 โครงการ คิดเป็นปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 544 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงหลากหลายประเภท ทั้งก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ชีวมวล พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานความร้อนใต้พิภพ