เอ็กโก กรุ๊ป ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 3.25 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 3.7% ต่อปี

ข่าวสารและความเคลื่อนไหว

เอ็กโก กรุ๊ป ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 3.25 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 3.7% ต่อปี

16 สิงหาคม 2564

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท ปัจจัยหนุนจากกำไรจากการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 ยังคงเติบโต โดยมีกำหนดจ่ายปันผล 10 กันยายน 2564

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท  เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 มีมติเห็นชอบให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 1,711 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 30 สิงหาคม 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 10 กันยายน 2564 ทั้งนี้ เงินปันผลคิดเป็นอัตราส่วนผลตอบแทนประมาณ 3.7% ต่อปี เมื่อเทียบกับราคาหุ้นเอ็กโกปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 176.50 บาท วันที่ 16 สิงหาคม 2564

“เอ็กโก กรุ๊ป มีนโยบายรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นและจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ แม้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 มีความท้าทายในการดำเนินธุรกิจอยู่พอสมควร แต่เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงมีผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องและมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งยังช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ถือหุ้นในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ นอกจากนั้น บริษัทยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้บริษัทและสร้างคุณค่าระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น” นายเทพรัตน์กล่าวสรุป

เกี่ยวกับเอ็กโก กรุ๊ป
ปัจจุบันเอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,016 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 29 แห่ง คิดเป็นกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายตามสัดส่วนการถือหุ้น 5,695 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการ คิดเป็นกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายตามสัดส่วนการถือหุ้น 321 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงหลายประเภท ทั้งก๊าซธรรมชาติ แอลเอ็นจี ถ่านหิน ชีวมวล พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานความร้อนใต้พิภพ และเซลล์เชื้อเพลิง นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง ตลอดจนยังได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย